เคลือบแก้ว คืออะไร? ข้อดีมีอะไรบ้าง สามารถเคลือบแก้วรถเองได้ไหม?

เคลือบแก้ว เคลือบแก้วรถ คืออะไร ข้อดี ข้อเสีย

เคลือบแก้ว หลาย ๆ คนที่ขับรถยนต์อาจจะคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับคนที่พึ่งออกรถยนต์มาใหม่ ๆ ป้ายแดงอาจจะยังไม่คุ้น และวันนี้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ CARSOME จะขอพาคนรักรถมาทำความรู้จักการเคลือบแก้วรถยนต์ รวมไปถึง ข้อดีและข้อเสียของการเคลือบแก้วรถว่าเงินที่เสียไปกับการเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกนั้นมีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด ควรทำหรือไม่?

ซื้อรถยนต์มือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดพร้อมปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน

นึกถึง รถยนต์มือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับเคลือบแก้ว

เคลือบแก้ว (Glass Coating) คืออะไร?

เคลือบแก้ว หรือ Glass Coating คือการที่เรานำน้ำยาสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) มาเคลือบที่ผิวรถเพื่อทำการปกป้องผิวรถของเรา โดยระดับความหนาของชั้นเคลือบ มีตั้งแต่ 1-9 H ซึ่ง 9H คือสูงสุด โดยที่การเคลือบแก้วรถยนต์นี้จะทำให้ผิวรถเราเป็นประกายเงางามและยังเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นนึงของแล็คเกอร์และสีของรถยนต์เรา รวมทั้งยังสามารถทนรอยขีดข่วนในระดับบางๆ ได้อีกด้วย

เคลือบแก้ว

เคลือบแก้ว มีข้อดีอะไรบ้าง?

  • เคลือบแก้วเหมาะกับรถที่เป็นรอยง่าย

เช่น รถสีขาวและสีดำ เพราะว่ารถสีขาวและสีดำนั้นจะเป็นสีที่สามารถเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย โดนอะไรนิดหน่อยก็จะมีรอยเกิดขึ้นให้เห็นบนผิวรถ

  • ป้องกันและรักษาสีรถให้ดูสดใหม่ ฉ่ำวาว

 

  • การเคลือบแก้วช่วยลดรอยขีดข่วนได้

ถ้าหากเคลือบแก้วแล้วรถของเราเคลือบแก้วแล้ว ก็จะช่วยให้ลดรอยขีดข่วนได้ในระดับนึง เช่น รอยขนผ้า และรอยขนแมว

  • ป้องกันสีและผิวรถยนต์จากแสง UV

การเคลือบแก้ว เหมาะกับคนที่ต้องจอดรถกลางแจ้งบ่อย ๆ เพราะสามารถช่วยถนอมสีผิวรถของเราได้

  • ป้องกันคราบเปื้อนและสิ่งสกปรกต่าง ๆ

เช่น ฝุ่น มูลนก ยางมะตอย ฝน และ คราบหยดน้ำ เพราะเคลือบแก้วจะทำให้น้ำเกาะผิวรถน้อยน้อย และช่วยให้ไม่ทิ้งคราบน้ำ

  • การเคลือบแก้วอยู่ได้ยาวนาน

การเคลือบแก้วรถครั้งนึงจะอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละศูนย์บริการ) ซึ่งนานกว่าเคลือบแว๊กซ์

  • ทำความสะอาดรถง่ายขึ้น

เพียงแค่ใช้น้ำฉีด คราบสกปรกจะหลุดออกมาง่ายดาย เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาล้างรถบ่อย ๆ หรือไม่อยากเสียเงินค่าล้างรถทุกเดือน

นึกถึง รถยนต์มือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

ข้อควรระวัง เคลือบแก้ว

ข้อควรระวังของการเคลือบแก้ว

หลายๆ คนอาจจะยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเคลือบแก้ว โดยบางคนอาจจะเข้าใจว่าเคลือบแล้วจะทนได้ทุกรอยขีดข่วน ดุจดั่งเพชร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่แบบนั้น เคลือบแก้วไม่ได้ทนรอยขีดข่วนหนัก ๆ เช่น การเอาฟองน้ำติดทรายไปถูไปล้างรถ หรือเอาของแข็ง ๆ มาทุบมาขูด เพราะหากเจอขนาดนี้จะไม่เกิดรอยบนรถยนต์เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ทนทานขนาดนั้นอย่าพึ่งเข้าใจผิดกันนะ

และรถที่ไปเคลือบแก้ว จะต้องเป็นรถที่ไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ เลย และสะอาดอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นต้องทำการ wet look ก่อน แต่กรณีรถป้ายแดงออกมาใหม่ ๆ ก็สามารถทำได้เลย สำหรับการเคลือบแก้วนั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพและความคุ้มค่าที่ได้รับ ทำให้การเคลือบแก้วเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า เพราะเคลือบทีเดียวอยู่ได้นานหลายปี ถ้าคุณอยากรักษารถคุณไว้นาน ๆ การเคลือบแก้วก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่ากับการลงทุนกับรถที่เรารักเลยทีเดียว

เคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก ต่างกันอย่างไร?

ในขณะที่การเคลือบแก้ว คือการเคลือบพื้นผิวรถยนต์ด้วยสารซิลิกา (Silica) แต่เคลือบเซรามิกคือ การเคลือบพื้นผิวรถยนต์ด้วยสาร Silicon carbide (SiC) ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและยืดหยุ่น สามารถเพิ่มความเงางามและความฉ่ำให้กับสีรถได้อีกด้วย สำหรับราคานั้น เคลือบเซรามิก (Ceramic Coating) จะมีราคาค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเคลือบแก้ว (Glass Coating) โดยข้อดีของการเคลือบเซรามิกให้กับรถยนต์ มีดังนี้

  • เคลือบเซรามิก มีความคงทนมากกว่าการเคลือบแก้ว และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
  • เคลือบเซรามิก ช่วยให้พื้นผิวรถยนต์เงางามมากกว่าการเคลือบแก้ว

เคลือบแก้ว ด้วยตัวเองเองได้หรือไม่?

เชื่อว่าคนที่รักรถยนต์คงอยากให้รถคันโปรดของคุณมีสีสวยและเงางามอยู่เสมอ แต่นอกจากการล้างรถอย่างเป็นประจำแล้ว การเคลือบแก้วรถยนต์ก็เป็นทางเลือกที่หลายคนนิยมทำกับรถคันโปรด เพราะสามารถช่วยลดการเกาะตัวของฝุ่นละออง สิ่งสกปรก รวมถึงน้ำฝน เพราะเคลือบแก้วนั้นทำหน้าที่เสมือนเป็นฟิล์มชั้นบาง ๆ ที่มาปกป้องรถยนต์อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้ ผลิตภัณฑ์เคลือบแก้ว ก็มีวางจำหน่ายอยู่มากมายโดยเฉพาะบนแอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ อาทิ Shopee และ Lazada โดยราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยเท่านั้น และมีทั้งในรูปแบบสเปรย์และน้ำยาอีกด้วย

สำหรับข้อควรระวังสำหรับการเคลือบแก้วด้วยตัวเอง คือจะต้องพิถีพิถันในการเตรียมพื้นผิวรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการลงน้ำยาเคลือบแก้วเสียก่อน โดยเริ่มจากการทำความสะอาดพื้นผิวและขัดเตรียมให้สะอาดและเรียบเนียนในจุดที่จะลงน้ำยาเคลือบแก้ว ใช้ดินน้ำมันลูบเพื่อดูดสิ่งสกปรกออกจากพื้นผิวรถยนต์ กรณีรถเก่า ก็จะต้องทำการลบรอยขนแมวออกเสียก่อน และเมื่อเตรียมพื้นผิวเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวรถยนต์แห้งสนิท จึงสามารถลงน้ำยาเคลือบแก้วได้ และหลังจากลงน้ำยาเคลือบแก้วทั่วทั้งคันแล้ว จะต้องห้ามโดนน้ำ 24 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยาเคลือบแก้วเซ็ตตัว

เคลือบแก้วกับเคลือบสี ต่างกันอย่างไร?

การเคลือบสีรถ คือการเคลือบพื้นผิวรถยนต์ด้วยแว็กซ์ (wax) หรือน้ำยาชนิดต่าง ๆ มีจุดประสงค์เพื่อคงความเงางามของรถให้ดูเหมือนใหม่ตลอดเวลา และป้องกันสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง คราบสกปรก ให้เกาะบนพื้นผิวรถยนต์ของเราได้น้อยลง และการเคลือบสียังสามารถปกป้องรถยนต์จากแสงยูวีหรือแสงแดดที่ต้องพบเจอทุกวันได้อีกด้วย หากสรุปเพียงเท่านี้ก็ดูจะไม่แตกต่างกับการเคลือบแก้วสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเจาะลึกลงไปอีกสักหน่อย คือเคลือบสีนั้นมีความคงทน หรือระยะเวลาการใช้งานที่สั้นกว่าการเคลือบแก้วมาก เพราะการคลือบสีรถยนต์ด้วยแว็กซ์หรือน้ำยาเคลือบสี อยู่ทนเพียง 3-4 อาทิตย์ หรือหนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นจะต้องทำการเคลือบสีใหม่อีกครั้ง ในขณะที่การเคลือบแก้วและเคลือบเซรามิก สามารถอยู่ได้อย่างยาวนานอย่างน้อย 1-3 ปี และสามารถลดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวรถยนต์ได้มากกว่าการเคลือบสีอีกด้วยนั่นเอง

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถมือสอง หรือ ขายรถคันเดิม แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณคุ้มค่าที่สุด! เรามีการดำเนินการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส รวดเร็ว ให้คุณซื้อหรือขายรถได้อย่างสบายใจ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!

CTA CARSOME ซื้อขายรถยนต์มือสอง

อ่านบทความต่อ: 5 วิธีไล่แมวไม่ให้ขึ้นรถ ป้องกันได้ง่ายๆไม่กี่ขั้นตอน หรือ 26 รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2023 พร้อมราคารถไฟฟ้าที่มีขายในไทย