สวัสดีครับ เพื่อนๆหลายๆคนมักมีเรื่องให้ปวดหัวทุกครั้ง เวลาต้องพาสัตว์เลี้ยงหรือน้องหมาของเราไปหาหมอ ทั้งเรื่องที่ว่าสัตว์เลี้ยงของเราซน ตื่นเต้นไม่ยอมนั่งอยู่กับที่ และรวมไปถึงเรื่องความปลอดภัย เมื่อเราพาน้องหมาขึ้นรถ เช่นเดียวกับคนที่เวลาเดินทางบนรถยนต์ เราก็ต้องมีการคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยของเราเอง ความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกันครับ เพราะฉะนั้น ไปดูกันดีกว่า ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้หมาแมวของเราปลอดภัยเมื่อเราพาขึ้นรถไปหาหมอ โดยแบ่งตาม ขนาดและลักษณะนิสัยของสัตว์ดังนี้ครับ
1) คล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบเต็มตัว
วิธีนี้เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดื้อไม่ซน เหมาะสำหรับทั้งพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ โดยสายจูงนี้ก็จะทำให้สุนัขนั่งอยู่ในท่าเดียว และยึดติดอยู่กับเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งครับ อย่างไรก็ดี สำหรับวิธีนี้เพื่อนๆต้องแน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะไม่ซน แล้วหันมาเคี้ยวสายจูงเอาระหว่างทางครับ
วิธีใส่:
- สอดเข็มขัดนิรภัย เข้าไปที่ห่วงสายจูงของสุนัข แล้วเสียบลิ้นเหล็กของเข็มขัดให้เข้าที่
- นำสุนัขเข้าไปในตัวรถ แล้วใส่ห่วงสายจูงแบบเต็มตัวให้กับสุนัข
- ปรับเข็มขัดนิรภัยและสายจูงให้เหมาะสม เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณนั่งในรถได้อย่างสบาย
2) คล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบ Zipline
ห่วงสายจูงแบบ Zipline นั้น ถูกออกแบบมาสำหรับสุนัขที่ active และเคลื่อนไหวมาก ไม่ค่อยอยู่นิ่ง โดยตัว Zipline จะช่วยดึงไม่ให้สุนัขเคลื่อนไหวมากเกินไป แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก วิธีนี้ใช้ได้สำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กและขนาดใหญ่ครับ
วิธีใส่:
- คล้องสายจูงแบบ Zipline เข้ากับเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังรถ
- เสียบลิ้นเหล็กของเข็มขัดให้เข้าที่ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ล็อคตำแหน่งไว้แล้วเรียบร้อย
- ปรับระดับสายจูงให้แน่น
3) เอาสัตว์เลี้ยงใส่กรง
วิธีนี้เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เรียบร้อยและไม่ขี้ตื่น โดยกรงสัตว์เลี้ยงจะทำให้เรามั่นใจได้ว่ามันจะปลอดภัยและรู้สึกสบายเมื่ออยู่บนรถ โดยควรเลือกซื้อกรงที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับสัตว์เลี้ยงที่จะยืนขึ้น และหมุนตัวได้ เหมาะสำหรับสัตว์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ครับ
วิธีใส่:
- หากรงที่มีขนาดพอเหมาะ
- เอากรงใส่ที่เบาะหลังรถ
- คลุมด้วยผ้าเพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงตื่นตกใจ
4) เอาใส่ตะกร้านุ่มนิ่ม
วิธีนี้เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่ขี้ตื่นง่าย โดยการนำเอาสัตว์เลี้ยงใส่ในตะกร้านั้นจะทำให้มันเห็น เจ้าของที่นั่งเฝ้าอยู่เบาะหลังรถตลอดเวลา ทำให้อุ่นใจได้มากขึ้นครับ และควรใช้คู่กับการใส่สายจูงสุนัขด้วยครับ
วิธีใส่:
- นำตะกร้าใส่ไว้ที่เบาะหลังรถ
- นำสัตว์เลี้ยงใส่ในตะกร้าและคล้องสายจูงเข้ากับตัวตะกร้า
5) ใช้ตาข่ายกั้นกับท้ายรถ
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถขนาดใหญ่ แบบที่ท้ายรถเชื่อมต่อกับส่วนห้องผู้โดยสาร เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ชอบเคลื่อนไหวไปมา โดยให้เราติดตาข่ายกั้นพื้นที่เอาไว้ เพื่อกันมิให้สุนัขไถลมาข้างหน้ารถเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือการเบรกอย่างกะทันหันครับ เพื่อนๆควรแน่ใจว่า ตาข่ายนี้จะสามารถยึดติดเข้ากับทั้งพื้นรถและหลังคารถอย่างแน่นหนาครับ
วิธีใส่:
- ยึดตาข่ายเข้ากับส่วนท้ายรถ
- โดยยึดตาข่ายให้สูงถึงหลังคารถด้านใน โดยดูวิธีการติดตั้งที่ให้มาด้วยกัน
6) ติดตั้งเปลที่เบาะหลัง
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีอายุ และอยากให้สัตว์เลี้ยงนอนพัก การติดตั้งแปลเช่นนี้จะทำให้สุนัขและแมวไม่ร่วงหล่นลงจากเบาะ และกันไม่ให้ปีนมาที่สวนหน้ารถอีกด้วยครับ ในการเลือกเปลให้สุนัขนั้น ก็ควรเลือกอันที่มีพื้นแบบกันลื่นด้วยครับ
วิธีใส่:
วางแปลให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แล้วล็อคเข้ากับพนักพิงเบาะทั้ง 4
7) ติดตั้งที่กั้นที่เบาะหลัง
วิธีนี้เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่นิ่งหากต้องอยู่ในที่แคบๆโดยที่กั้นจะช่วยทำให้สุนัขของคุณปลอดภัยหากมีการเบรกกะทันหัน ทำให้ไม่ไถลมาข้างหน้ารถครับ
วิธีใส่:
- เอาพนักพิงหัวออก
- สอดที่กั้นเบาะหลังเข้ากับเหล็กพนักพิงหัว แล้วใส่พนักพิงหัวกลับเข้าไปที่เดิม
- ขึงที่กั้นส่วนล่างโดยใช้เข็มกลัดหรือคลิป
เพราะฉะนั้น ก่อนพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ก็อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าเรามีอุปกรณ์ที่ช่วยให้ปลอดภัยติดตั้งเอาไว้ เพียงเท่านี้ เพื่อนๆก็สามารถนำสัตว์เลี้ยงไปหาหมอหรือพาไปเที่ยวกับเราได้อย่างสบายใจ หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้วล่ะครับ นอกจากนี้ การทำประกันรถยนต์ก็ยังช่วยให้เพื่อนอุ่นใจได้อีกหากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมานะครับ เพื่อนๆสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยครับ