ฝาหม้อน้ำรถยนต์รั่ว ต้องทำอย่างไร

 

จู่ ๆ ขับไปก็ควันขโมง ! เพราะรถยนต์เกิดความร้อนสูงปริ๊ด พอจอดข้างทางปล่อยให้รถยนต์คลายความร้อนลง พบว่ารถยนต์ของเราฝาหม้อน้ำแตก ! เจอแบบนี้ต้องทำอย่างไร หากเกิดเหตุฝาหม้อน้ำแตกในพื้นที่ที่เปลี่ยว เส้นทางภูเขา ไร้ผู้คน หรือเรื่องเกิดขึ้นในยามวิกาลเวลากลางคืน และในตอนนั้น ในไฟลท์บังคับเช่นนี้ ขณะที่เราไม่มีฝาหม้อน้ำเปลี่ยน จะต้องทำอย่างไรดี ?มาดูวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้กันครับ

 

ขั้นตอนที่ 1 จอดรถในที่ปลอดภัย รอให้รถคลายความร้อน

จอดรถครับ ใจเย็น ๆ หาไหล่ทางที่สามารถจอดรถได้อย่างปลอดภัย (ระวังรถที่วิ่งมาด้านหลังจะชนท้าย) แนะนำให้เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้ เพื่อให้เพื่อนร่วมทางรู้ว่ารถของเรามีปัญหา เมื่อได้ที่จอดแล้ว “อย่าเพิ่งเปิดฝากระโปรงรถ” คุณจะต้องทิ้งให้รถระบายความร้อนก่อน หากเปิดทันทีอาจจะโดนน้ำร้อนพุ่งใส่หน้า หรือลวกร่างกายของเราได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ๆ เลย ดังนั้น ควรรอประมาณ 20-30 นาทีนะครับ

 

ขั้นตอนที่ 2 ตรวจเช็คความเสียหายเบื้องต้น

เมื่อเครื่องยนต์คลายความร้อนเป็นที่เรียบร้อย จึงค่อย ๆ เปิดฝาหม้อน้ำรั่วออกทีละนิด ทีละนิด เพื่อให้หม้อน้ำค่อย ๆ คลายความดันออกมาทีละหน่อย ทีละหน่อย ไม่ควรใช้มือเปล่าเปิดฝาหม้อรั่วน้ำทันทีนะเพราะอันตรายถึงชีวิตเลยครับ พร้อมกับเช็คครับว่าฝาหม้อน้ำของเรามีรอยร้าวมากแค่ไหน หากมีรอยร้าวเยอะมาก อย่าฝืนขับต่อนะครับ อาจจะต้องพยายามติดต่อกับช่างผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์บริการ หรือเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยลากจูงรถ หรือยกรถ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะลุกลามใหญ่โตกว่าเดิม อันตรายถึงชีวิต และทำให้เราต้องเสียเงินซ่อมมากกว่าเดิมอีกด้วยครับ

ขั้นตอนที่ 3 อย่าลงมือซ่อมเอง ขอความช่วยเหลือจากช่างผู้รู้จริงจะดีที่สุด

หากจำเป็นต้องขับต่อจริง ๆ เพราะไม่สามารถติดต่อใครได้เนื่องจากประสบเหตุในพื้นที่ไร้สัญญาณ ! ย้ำว่ากรณีที่อาการของฝาหม้อน้ำรั่วไม่รุนแรงให้พยายามประคองรถไปอู่ซ่อม และต้องมองหาขวดน้ำ เติมน้ำให้พร้อม และมากที่สุด ไว้สำหรับเติมหม้อน้ำระหว่างทาง เพื่อไม่ให้น้ำในหม้อน้ำแห้งและไหม้ ค่อย ๆ ขับ ซึ่งคุณจะต้องปิดแอร์ ! และสังเกตเกจความร้อนบนหน้าปัดคอนโซลเสมอ ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและผู้โดยสารครับ

 

เมื่อถึงอู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการรถยนต์แล้ว ครั้งต่อไปคุณอาจจะซื้อฝาหม้อน้ำติดรถเอาไว้เพิ่มอีกสักชิ้น และหมั่นตรวจเช็คสภาพรถอยู่เป็นประจำนะครับ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ทุกเส้นทางไงล่ะคร้าบ

ขอบคุณข้อมูลจาก Frank.co.th