สังสรรค์คืนนี้ ไม่เมาแล้วขับนะคนดี พี่หมีขอ

สวัสดีครับเพื่อนๆ คำว่า “เมาไม่ขับ” น่าจะเป็นสโลแกนที่เราได้ยินจากหน่วยงานรัฐบาล ที่โปรโมตกันมานับสิบๆปี แต่ก็ไม่วายยอดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยนั้น ยังคงมากที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 36.2 คนต่อประชากร 1 แสนคนโดยสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจากการเมาสุรา (ที่มา: องค์การอนามัยโลก และ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน) เห็นตัวเลขแล้วพี่หมีก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เลยครับ วันนี้พี่หมีเลยขอมาพูดถึงอันตรายของการเมาแล้วขับกันอีกสักรอบ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่จะเป็นประโยชน์ของตัวเพื่อนๆและคนรอบข้างเองครับ

 

เมาแล้วขับ เมาแค่ไหนถึงเรียกว่าเสี่ยงตาย?

ผู้ขับขี่ยานพาหนะที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 20-40 mg% (ไม่เกิน 1 ชม.หลังดื่ม เบียร์ 1 ขวดสำหรับคนหุ่นมาตรฐาน)  จะถือว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงกว่าถึง 3-5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้เมาแล้วขับ และถ้าหากมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า หรือเท่ากับ 50-70 mg%  ก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากถึง 6-17 เท่าเลยครับ นั่นแปลว่า ยิ่งดื่มมาก ยิ่งมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากนั่นเองครับ นั่นหมายความว่า แม้จะดื่มแอลกอฮอล์เพียงน้อยนิดแล้วเมาแล้วขับ ก็ถือว่าเข้าข่ายเสียงตายแล้วล่ะครับ

 

 

กฎหมายมีช่องโหว่ด้วยหรือไม่?

อันที่จริงแล้ว ทางการไทยก็ได้มีการลดระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่จะถือว่าผิดกฎหมายเป็นการเมาแล้วขับ อยู่ที่ตั้งแต่ 50 mg% ขึ้นไป แต่อย่างไรก็ดี นั่นก็แปลว่าเรายังไม่สามารถกำจัดโอกาสที่คนสามารถเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปได้เกือบทั้งหมดใช่หรือไม่? เพราะการมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดแค่ประมาณ 20-40 mg% แล้วเราเมาแล้วขับ ก็มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้อยู่ดี

 

 

ความสามารถในการขับขี่ที่ลดลง เมื่อเมาแล้วขับ

หากเพื่อนๆมีระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดอยู่ที่ 50 mg% เราก็จะมีความสามารถในการขับขี่ลดลงได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ แต่จริงๆแล้ว แม้จะมีระดับแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 20-40 mg% ก็สามารถทำให้เพื่อนๆ เริ่มเห็นภาพไม่ชัด และควบคุมหรือเคลื่อนไหววัตถุต่างๆ ได้ยากขึ้นแล้วครับ

 

 

ดื่มอีกสักแก้วละกัน?

ถ้าหากเพื่อนๆมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 50 mg% แล้วดื่มเบียร์เพิ่มอีกสัก 2 แก้ว แม้จะดูเหมือนไม่หนักหนาสาหัส แต่ก็สามารถทำให้โอกาสการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นได้เป็น 17 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มเลยนะครับ

 

 

ดื่มอย่างฉลาด

เพราะฉะนั้น ถ้าคิดอยากจะชิลนั่งดื่มในวันศุกร์เย็น หรือไปปาร์ตี้กับเพื่อนวันเสาร์ ก็อย่าลืมวางแผนให้ดีก่อน ว่าถ้าหากเราเมาแล้วจะกลับบ้านยังไง จะเรียกแท็กซี่ หรือจะให้เพื่อนไปส่ง หรือจะเลือกไม่ดื่มเพื่อที่จะได้ขับรถกลับเอง แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่เมาแล้วขับจะดีที่สุดครับ

 

นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความอุ่นใจด้วยการทำประกันรถยนต์ ที่ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้เพื่อนๆหากเกิดอุบัติเหตุจริงๆด้วยนะครับ แต่ต้องอย่าลืมว่าเราจะได้รับความคุ้มครองก็ต่อเมื่อเราเมาไม่ขับเท่านั้นนะครับ เพื่อนๆสามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยครับ