คุณคงเคยเห็นไฟสัญญาณเตือนบนแผงหน้าปัดของคนขับในทุกครั้งที่สตาร์ทรถ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่บางสัญญาณไฟเตือนจะปรากฏขึ้นโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งหากรู้ความหมายของสัญญาณไฟเหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ของคุณได้ ในบทความทั้งสามนี้เราได้นำเสนอเกี่ยวกับแผงหน้าปัดและไฟสัญญาณเตือนยอดนิยม 30 รายการที่คุณอาจพบได้ในรถของคุณ ในส่วนของบทความแรกนี้ได้นำเสนอเกี่ยวกับสัญลักษณ์พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของรถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มาดูกันเลย!
สัญญาณเตือนเบรก (Brake warning indicator)
สิ่งนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้เบรกมือ หากไม่ได้กำลังใช้งานและไฟยังคงขึ้นมาในระหว่างการขับขี่ให้ดึงไปด้านข้างอย่างปลอดภัย สัญญาณไฟอาจหมายถึงหนึ่งในไม่กี่สิ่งนี้ เช่น ระดับน้ำมันเบรกต่ำ, ระบบ ABS มีปัญหา,ผ้าเบรกสึกหรือไฟเบรกหนึ่งหรือสองดวงดับ
ไฟเตือนระบบเครื่องยนต์ (Check engine light)
ไฟเตือนระบบเครื่องยนต์เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ตรวจสอบของรถยนต์ อาจหมายถึงความร้อนสูงเกินไป, แรงดันน้ำมันต่ำ, ฝาแก๊สหลวม, ปัญหาทางกลไกหรือปัญหาที่ต้องได้รับการตรวจสอบทันที ในสถานการณ์เช่นนี้ รีบให้ช่างซ่อมรถของคุณตรวจสอบโดยเร็วที่สุดจะดีกว่านะ
อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น (Coolant temperature)
ไฟเตือนอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นแสดงถึงเครื่องยนต์ที่ร้อนเกินไปเนื่องจากสาเหตุหลายประการรวมทั้งระดับน้ำหล่อเย็นต่ำ, ระบบน้ำหล่อเย็นมีปัญหาหรือการรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้นในระบบ ในกรณีดังกล่าวให้หยุดรถในบริเวณที่ปลอดภัยและเปิดฝากระโปรงรถเพื่อทำให้เครื่องยนต์เย็นลง
ปัญหาเกี่ยวกับระบบแบตเตอรี่ (Battery problems)
ไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่จะแสดงขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบการชาร์จที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถชาร์จได้ตามปกติหรือมีปัญหาเกี่ยวกับไดชาร์จ ทางที่ดีควรหยุดรถหรือขับรถไปหาช่างที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยเร็วที่สุดก่อนที่แบตเตอรี่จะหมดสภาพและรถจะไม่สามารถขับต่อไปได้
ไฟเตือนแรงดันน้ำมัน (Oil pressure warning)
หากสัญญาณไฟนี้แสดงขึ้นระหว่างการขับขี่คุณจะต้องค่อยๆหยุดรถเร็วที่สุด สัญญาณไฟที่เตือนขึ้นนี้เป็นสัญญาณของปั๊มน้ำมันที่ชำรุดหรือน้ำมันเครื่องของคุณนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำนั่นเอง
สัญญาณเตือนแรงดันลมยาง (Tire pressure warning)
สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบตรวจสอบความดันลมยาง (TPMS) สัญญาณเตือนนี้อาจเกิดขึ้นเดือนละครั้งเมื่อความดันลมยางต่ำกว่าขีดจำกัดที่แนะนำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ตรวจสอบยางแล้วเมื่อคำเตือนปรากฏขึ้น เนื่องจากยางรถของคุณอาจกำลังแบนก็เป็นได้
ไฟแสดงสถานะไฟสูง (High beam indicator)
เปิดสิ่งนี้เพื่อใช้งานไฟสว่างที่สุดบนรถของคุณ ตัวบ่งชี้นี้อาจมาพร้อมกับตัวอักษร “A” หรือคำว่า “อัตโนมัติ” ซึ่งจะปิดระบบเมื่อมีรถกำลังวิ่งมา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรถแต่ละคันด้วยนะ
ไฟตัดหมอกด้านหน้าและหลัง (Front and rear fog lamps)
มักจะถูกสับสนกับไฟแสดงสถานะไฟต่ำ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการแยกสัญญาณไฟทั้งสองคือการใช้เส้นหยักเพื่อบ่งบอกถึงแสงที่ส่องผ่านหมอก และวิธีที่ดีที่สุดในการแยกไฟตัดหมอกหน้าและหลังคือการใช้เส้นสัญลักษณ์ หากเส้นหยักอยู่ทางด้านซ้ายของสัญลักษณ์แสดงว่าเป็นไฟตัดหมอกหน้า หากเส้นหยักอยู่ทางขวาแสดงว่าเป็นไฟตัดหมอกหลังนั่นเอง
ไฟแสดงสถานะถุงลมนิรภัย (Airbag indicator)
สัญลักษณ์นี้อาจแสดงขึ้นพร้อมกับคำว่า “ถุงลมนิรภัย” หรือ “SRS” ซึ่งย่อมาจาก “ระบบยับยั้งส่วนเสริม หรือ Supplemental Restraint System” หากสัญญาณไฟนี้เตือนขึ้นมาอาจบ่งบอกถึงหนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับถุงลมนิรภัย รีบนำไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการใกล้บ้านคุณจะดีกว่านะ
สัญญาณเตือนปิดการควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Vehicle stability control off indicator)
แม้ว่าระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวนี้อาจมีอีกหลายชื่อเช่น Electronic Stability Program (ESP), Dynamic Stability Control (DSC) และอื่น ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าระบบได้ถูกปิดการใช้งานแล้ว ซึ่งระบบนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาการควบคุมรถเมื่อตรวจพบการสูญเสียการควบคุมนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับ 10 ไฟสัญญาณเตือนและสัญลักษณ์ตอนที่ 1 ซึ่งในบทความนี้มักจะเป็นสัญญาณที่เรามักจะพบเห็นบ่อย ๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเรียบรู้ไว้เบื้องต้นก็จะทำให้ลดอาการตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นและจะได้เตรียมรับมือความพร้อมได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ อย่าลืมติดตามบทความนี้ต่อในตอนที่ 2 กันนะคะ!
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!
อ่านบทความต่อ: