รวมวิธีขับรถให้ปลอดภัย และเคล็ดลับสอบใบขับขี่

รวมวิธีขับรถให้ปลอดภัย และเคล็ดลับสอบใบขับขี่

สำหรับช่วงเทศกาลที่กำลังมาถึงนั้นทำให้หลาย ๆ คนเริ่มตื่นเต้นทื่จะได้หยุดยาวและได้วางแผนเพื่อออกท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้กันแล้ว หลายคนเริ่มนำรถยนต์ของตนเองออกไปเช็กความเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางไกล แต่สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากจะเรื่องความพร้อมของรถยนต์แล้ว การขับรถยนต์ให้ปลอดภัยก็สำคัญเช่นกันค่ะ เพื่อการเดินทางของคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากคนไหนที่กำลังจะเป็นมือใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบใบขับขี่ให้ทันช่วงเทศกาล ในวันนี้ทางเราก็มีเคล็ดลับเกี่ยวกับการสอบใบขับขี่เช่นกัน รับรองว่านอกจากจะปลอดภัยแล้ว ยังได้ใบขับขี่ทันใช้สำหรับมือใหม่ด้วย

รวมวิธีขับรถให้ปลอดภัย

รวมวิธีขับรถให้ปลอดภัย

การขับขี่ที่ปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยทำให้เรารอดพ้นจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้ นอกจากนี้ ความเตรียมในเรื่องของยาพาหนะและสภาพร่างกายก็ยังสำคัญต่อการขับขี่ให้ปลอดภัยด้วย เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าวิธีขับรถให้ปลอดภัยมีอะไรบ้าง

1. มีสติอยู่เสมอ

สติเป็นสิ่งสำคัญในทุกขณะของการขับขี่ การมีสติสามารถช่วยชีวิตคุณได้และช่วยให้เลือกตอบสนองการตัดสินใจได้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่

2. สภาพแวดล้อมของรถก็สำคัญ

การให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อม ประเภทของรถ และทักษะที่ใช้ อย่างมีสติและสมาธิของคุณเมื่ออยู่หลังพวงมาลัยจะช่วยให้คุณผ่านไปได้ทุกสถานการณ์

 3. คาดการณ์กับสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ

การได้ทำความเข้าใจภาพรวมของสภาพท้องถนนทำให้คุณสามารถมองเห็นเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และอาจจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงจากรถชนได้

4. ขับให้ช้าลง

การขับรถช้าและใช้ความเร็วที่เหมาะสมจะช่วยทำให้คุณมีเวลาและมีระยะห่างที่เพียงพอในการตอบสนองของสิ่งที่คุณอาจจะเจอได้

5. รู้ขีดจำกัดของคุณ

สำหรับสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับรถก็คือ การรู้ขีดจำกัดของร่างกายตนเองและหากรู้ว่าร่างกายเหนื่อยล้าและง่วงนอนจากการขับรถนาน ๆ แล้วก็ไม่ควรฝืนขับต่อไป

แนวข้อสอบใบขับขี่

ในส่วนของพาร์ทนี้เราได้ทำการรวบรวมทุกคำถามที่เคยออกข้อสอบและคำตอบที่ถูกต้อง ในชุดข้อสอบหมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ลดการท่องจำแต่เน้นทำความเข้าใจ ทำได้แน่นอน

แนวข้อสอบใบขับขี่ รถยนต์ 2564 (หมวดกฎหมายว่าด้วยรถยนต์-รถจักรยานยนต์)

1.ในขณะขับรถผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารใดใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถ

ก.บัตรประจำตัวประชาชน

ข.สำเนาทะเบียนบ้าน

ค.สำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ

ง.บัตรประกันสังคม

2. ผู้ขับรถกระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบกและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจรต้องไปติดต่อชำระค่าปรับภายในกี่วัน

ก.10 วัน

ข.7 วัน

ค.15 วัน

ง.30 วัน

  1. เมื่อใบอนุญาตขับรถสูญหายหรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.20 วัน

ข.30 วัน

ค.15 วัน

ง.45 วัน

  1. ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดอย่างไร

ก.จำคุกไม่เกิน 1 ปี

ข.จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ค.ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ง.ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

  1. ใบอนุญาตขับรถชนิดชั่วคราวมีอายุกี่ปี

ก.1 ปี

ข.2 ปี

ค.3 ปี

ง.4 ปี

  1. ผู้ขับรถใช้ใบอนุญาตขับรถที่สิ้นอายุมีความผิดอย่างไร

ก.ปรับไม่เกินห้าพันบาท

ข.จำคุกไม่เกินสามเดือน

ค.ปรับไม่เกินสองพันบาท

ง.จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน

  1. รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนดจะต้องเสียเงินเพิ่มเท่าใด

ก.ร้อยละ 1 ต่อเดือน

ข.ร้อยละ 1 ต่อปี

ค.ร้อยละ 10 ต่อเดือน

ง.ร้อยละ 20 ต่อปี

  1. การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.15 วัน

ข.45 วัน

ค.20 วัน

ง.30 วัน

  1. การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.7 วัน

ข.10 วัน

ค.15 วัน

ง.20 วัน

  1. การต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (5 ปี) สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้เท่าใด

ก.3 เดือน

ข.4 เดือน

ค.6 เดือน

ง.5 เดือน

  1. รถยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

ก.5 ปี

ข.6 ปี

ค.3 ปี

ง.7 ปี

  1. การย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.30 วัน

ข.15 วัน

ค.25 วัน

ง.20 วัน

  1. รถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบกี่ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี

ก.1 ปี

ข.3 ปี

ค.2 ปี

ง.5 ปี

  1. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถ” หมายความว่า

ก.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

ข.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.

ค.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถบดถนน รถแทรกเตอร์

ง.รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง.รถแทรกเตอร์

  1. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์” หมายความว่า

ก.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล รถแท็กซี่

ข.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ค.รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ง.รถสาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

  1. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถจักรยานยนต์” หมายความว่า

ก.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ ถ้ามีถ่วงข้างมีล้ออีกไม่เกินหนึ่งล้อ

ข.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อไม่เกินสองล้อ

ค.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์มีล้อไม่เกินสองล้อ

ง.รถที่เดินรถกำลังเครื่องยนต์หรือกำลังไฟฟ้าและมีล้อเกินสองล้อ

  1. ข้อใดไม่ใช่ “รถยนต์รับจ้างสาธารณะ”

ก.รถแท็กซี่

ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ค.รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ

ง.รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ

  1. ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 “รถยนต์บริการ” หมายความว่า

ก.รถยนต์ให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน

ข.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน

ค.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน

ง.รถยนต์บรรทุกคนโดยสารหรือให้เช่าซึ่งบรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน

  1. ข้อใดคือ “รถส่วนบุคคล”

ก.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ข.รถแท็กซี่

ค.รถสามล้อรับจ้างสาธารณะ

ง.รถยนต์ป้ายแดง

  1. รถที่นำมาใช้บนถนนต้องมีลักษณะอย่างไร

ก.รถที่โคมไฟหน้าไม่ติด

ข.รถที่มีเสียงดัง.90 เดซิเบล A

ค.รถที่มีควันดำ 55 เปอร์เซ็นต์

ง.รถที่จดทะเบียนและชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว

  1. รถที่สามารถนำมาจดทะเบียนต้องมีลักษณะอย่างใด

ก.รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้องและผ่านการตรวจสภาพรถ

ข.รถต้องมีอุปกรณ์ส่วนควบถูกต้อง

ค.รถที่ซื้อจากศูนย์จำหน่ายรถทั่วไป

ง.รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถจาก.สถานตรวจภาพรถเอกชน

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของวัด

ข.รถของมูลนิธิ

ค.รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ง.รถของผู้บัญชาการทหารสูงสุด

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของวัด

ข.รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

ค.รถของสภากาชาดไทย

ง.รถของมูลนิธิเพื่อนพึ่งภายามยาก

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถของสำนักพระราชวังที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่เลขาธิการพระราชวังกำหนด

ข.รถสำหรับเฉพาะพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ค.รถของกรมตำรวจที่จดทะเบียนและมีเครื่องหมายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด

ง.ทุกข้อถูกต้อง

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถที่เจ้าของรถแจ้งการไม่ใช้รถ

ข.รถยนต์นำเข้า

ค.รถสามล้อส่วนบุคคล

ง.รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน

ก.รถที่ผู้ผลิตหรือประกอบเพื่อจำหน่ายหรือที่ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย ผลิต ประกอบหรือนำเจ้า และยังมิได้จำหน่ายให้แก่ผู้อื่น

ข.รถสามล้อส่วนบุคคล

ค.รถจักรยานยนต์นำมาใช้ในหมู่บ้าน

ง.รถของวัด

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถยนต์รับจ้าง

ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ค.รถดับเพลิง

ง.รถตู้ส่วนบุคคล

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถพยาบาลที่มิใช่เป็นรถสำหรับรับจ้าง

ข.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ค.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

ง.รถตู้ส่วนบุคคล

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถตู้ส่วนบุคคล

ข.รถของมูลนิธิ

ค.รถของวัด

ง.รถของกระทรวง.ทบวง.กรม เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และราชการส่วนท้องถิ่นที่เรียกชื่ออย่างอื่น ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือกำไร

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถบดถนนของเอกชน

ข.รถบดของรัฐวิสาหกิจ

ค.รถแทรกเตอร์ของเอกชน

ง.รถแทรเตอร์ส่วนบุคคล

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถแทรกเตอร์ของเอกชน

ข.รถแทรกเตอร์ของรัฐวิสาหกิจ

ค.รถบดถนนของเอกชน

ง.รถบดถนนของผู้ว่าราชการจังหวัด

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถของสภากาชาดไทย

ข.รถของมูลนิธิร่วมกตัญญู

ค.รถของวัด

ง.รถของมูลนิธิสายใจไทย

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต

ข.รถของมูลนิธิร่วมกตัญญู

ค.รถของวัด

ง.รถของมูลนิธิสายใจไทย

  1. รถต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเว้นแต่ค่าธรรมเนียมแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ก.รถดับเพลิงของ.อบต.

ข.รถตู้ส่วนบุคคล

ค.รถตู้รับจ้าง

ง.รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล

  1. ประสงค์จดทะเบียนรถต้องยื่นคำขอที่ใด

ก.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง

ข.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา

ค.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก

ง.ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนตามสถานที่ตั้งที่จำหน่ายรถนั้น ๆ

  1. รถที่จดทะเบียนแล้ว หากประสงค์จะเปลี่ยนสีรถต้องดำเนินการอย่างไร

ก.ดำเนินการเปลี่ยนสีได้ทันที

ข.แจ้งนายทะเบียนภายใน 15 วัน

ค.แจ้งนายทะเบียนภายใน 30 วัน

ง.แจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วัน

  1. หากประสงค์เปลี่ยนแปลงตัวถังรถต้องดำเนินการอย่างไร

ก.เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงจะมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่ง

ข.ขออนุญาตนายทะเบียน ตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียนรถ

ค.ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงภายใน 15 วัน

ง.ไม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ใช่สาระสำคัญของตัวรถ

  1. ผู้ตรวจการตาม พ.ร.บ. รถยนต์ คือใคร

ก.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้ง

ข.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก

ค.เจ้าหน้าที่ บริษัทขนส่ง.จำกัด

ง.เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  1. หากประสงค์จะย้ายรถ เจ้าของรถต้องแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.30 วัน

ข.7 วัน

ค.15 วัน

ง.60 วัน

  1. กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งย้ายรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง.

ก.มีความผิด ต้องชำระค่าปรับแจ้งย้ายเกินกำหนด

ข.ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น

ค.รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้

ง.ผิดทุกข้อ

  1. หากประสงค์จะโอนรถเจ้าของรถต้องแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน

ก.60 วัน

ข.25 วัน

ค.30 วัน

ง.15 วัน

  1. กรณีเจ้าของรถมีภารกิจไม่สามารถมาดำเนินแจ้งโอนรถต่อนายทะเบียนภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ข้อใดถูกต้อง.

ก.ไม่เสียค่าปรับ เนื่องจากจำเป็น

ข.มีความผิด ต้องชำระค่าปรับโอนเกินกำหนด

ค.รถไม่สามารถแจ้งย้ายได้

ง.ผิดทุกข้อ

เคล็ดลับสอบใบขับขี่ให้ผ่านฉลุย 

เคล็ดลับสอบใบขับขี่ให้ผ่านฉลุย 

ผ่านไปแล้วกับแบบทดสอบข้อเขียนซึ่งถ้าได้มีการฝึกทำข้อสอบบ่อย ๆ ก็สามารถผ่านได้ฉลุยอย่างแน่นอน นอกเหนือจากนี้เราก็มีอีกเคล็ดลับการสอบใบขับขี่แบบฉบับเข้าใจง่ายมาช่วยในการเตรียมตัวสำหรับคนที่สอบใบขับขี่ครั้งแรกให้ง่ายขึ้นอีกด้วย

หลักเกณฑ์และเทคนิค ท่าที่ 1 ถอยหลังเทียบจอด มีดังต่อไปนี้

  1. ห้ามใช้เกิน 7 เกียร์ ซึ่งนับเกียร์แรกคือตอนเดินหน้าขึ้นมาตั้งลำตรง ดังนั้นจะเหลือเพียง 6 เกียร์สำหรับเดินหน้าและถอยหลังจอดให้อยู่ในกรอบแดง 
  2. ขนาดกรอบ 4 เหลี่ยมที่จะให้จอดอยู่ภายในกรอบแดงนี้คือ 2.5X5 เมตร โดยมีกรอบ 2 ชั้น คือกรอบด้านนอกสีแดง สำหรับขนาดรถมาตรฐาน และกรอบสีเหลืองด้านใน สำหรับรถขนาดเล็ก เช่น Honda Jazz, Mini couper, Mazda 2 (รถจิ๋ว), Mitsubishi 1200 cc
  3. ด้านหน้าเหนือกรอบแดงนี้ ไกลออกไป 2.5 เมตรมีกำแพงสีส้มกั้นไว้ ส่วนด้านหลังเลยกรอบแดงไปเพียง 1 คืบมือ ก็มีกำแพงสีส้มกั้นไว้ ต้องไม่เฉี่ยวชน เพราะแค่ไปแตะถูกมันเบา ๆ ไม้ก็จะขยับแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเห็น รตจิตรอยากให้เพื่อน ๆ อย่ากลัวกำแพงด้านหน้านี้มากนัก เพราะถ้าห่างมันมากจะไปชนกำแพงด้านหลัง หรืออาจทับกรอบ ซึ่งคนสอบตกกันเป็นจำนวนมาก
  4. เทคนิคการสอบภาคปฏิบัติให้ผ่าน ท่าที่ 1 = อย่ารีบร้อน ให้ใช้ความเร็วแบบต่ำสุด แนะนำให้ขับรถคันที่จะเอามาสอบบ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน แล้วหมุนพวงมาลัยไปเรื่อย ๆ ตามความรู้สึก

หลักเกณฑ์การสอบท่าจอดรถเทียบทางเท้า(ท่าที่ 2)

ท่าที่ 2 คือ เลี้ยวซ้าย จอดชิดเทียบฟุตบาท ไม่เกิน 25 ซม.

  1. ผู้ขับต้องเลี้ยวซ้ายเทียบจอด ซึ่งไม่ต้องกังวลเพราะมุมฟุตบาทที่หัวเลี้ยวเป็นแบบมน ๆ
  2. ล้อต้องทับเส้นด้านซ้ายมือ ห่างจากฟุตบาทไม่เกิน 25 เซนติเมตร
  3. หน้ารถต้องอยู่ระหว่างเส้นสีขาว
  4. ขับให้ช้า ๆ เข้าไว้ เท้าแตะเบรคเบา ๆ แต่ห้ามหยุด เขย่งตัวดูด้านซ้ายมือว่าห่างจากฟุตบาทเท่าไร
  5. ห้ามเบียดฟุตบาท
  6. ถ้ากลัวเบียดมาก ก็ตีวงกว้าง ๆ จะได้มีที่พอเพื่อขับเฉียงเข้าเทียบจอด

เทคนิคการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ถอยหลังตรง (ท่าที่ 3)

  1. เมื่อไปถึงที่ที่ให้เดินหน้าตรง ถอยหลังตรง ให้ตีวงกว้าง ๆ เพื่อไม่ให้เบียดหลัก
  2. ขับเข้าไปจนกว่าล้อหลังจะพ้นเส้น แล้วค่อยถอยหลัง
  3. ถอยจนล้อหน้าพ้นเส้น แล้วค่อยหักพวงมาลัยเลี้ยว

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสอบใบขับขี่

หลังจากได้เตรียมพร้อมในเรื่องการสอบใบขับขี่ทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฏีไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงการเตรียมพร้อมเพื่อการสอบใบขับขี่ในสนามจริง ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง

1.จองวันสอบก่อนล่วงหน้า

ก่อนอื่นจะต้องทำการจองวันสอบก่อนที่สำนักงานขนส่งทางบก ซึ่งมีสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 1 (บางขุนเทียน) , สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 2 (ตลิ่งชัน) , สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 3 (สุขุมวิท 62) , สำนักงานพื้นที่ขนส่ง เขต 4 (หนองจอก) และสำนักงานใหญ่พื้นที่ 5 (จตุจักร) ส่วนในเขตต่างจังหวัดก็สามารถหาจองได้ที่สำนักงานขนส่งต่างจังหวัดได้เช่นกันครับ โดยวิธีการจองนั้นมี 3 ช่องทางง่ายๆ ดังนี้

  • จองคิวอบรมด้วยตัวเองที่กรมขนส่ง (สาขาใกล้บ้านหรือตามสะดวก)
  • โทรจองคิวผ่านทางโทรศัพท์ เบอร์ 02-2718888 หรือเบอร์ 1584
  • ยื่นจองคิวสอบใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์ได้ด้วย
  • จองคิวสอบใบขับขี่กับเอกชน (ที่ผ่านการรับรองจากกรมขนส่งทางบก)

2.นำเอกสารที่ต้องใช้ไปให้ครบ

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเอกสารสำคัญ และยังจำเป็นต้องยื่นเอกสารเหล่านี้ให้กับเจ้าหน้าที่ในวันสอบจริงอีกด้วย ซึ่งเอกสารที่จะต้องเตรียมนั้นได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด ใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน (จากคลินิก หรือโรงพยาบาลก็ได้) ใบรับรองการอบรม (กรณีอบรมนอกกรมขนส่ง)

** สำหรับชาวต่างชาติ (ไม่มีบัตรประชาชน) ให้ยืนใบสำคัญบัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง Passport พร้อมสำเนาถูกต้อง 

3.เตรียมร่างกายให้พร้อม

อย่าลืมเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมก่อนสอบ ซึ่งถ้าหากเกิดป่วยวันสอบขึ้นมา เนื่องจากนอนไม่เพียงพอหรืออาการต่าง ๆ ก็อาจทำให้คุณสูญเสียสมาธิในการทำข้อสอบได้ และนอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อการสอบสมรรถนะทางร่างกายได้ เช่น ทดสอบการมองเห็น ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบสายตาทางกว้าง และทดสอบปฏิกิริยาเท้า

4.อย่าลืมเตรียมรถไปสอบด้วย

การที่นำรถของตนเองมาสอบจะช่วยลดความประหม่าและการสอบผิดท่าได้ ดังนั้นก่อนการสอบจึงจะต้องทำการตรวจสอบรถยนต์ให้ได้ และทำการเช็กอุปกรณ์ในรถให้เรียบร้อย เพื่อช่วยให้เกิดความเคยชินมากขึ้นก่อนการสอบวันจริง แต่ถ้าหากใครที่ไม่มีรถก็สามารถเช่ารถขับสอบที่กรมขนส่งทางบกได้ ซึ่งมีการคิดค่าเช่ารอบละ 100 บาท โดยมีเกียร์สองแบบให้เลือก คือ เกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้

5. เตรียมเงินค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่

หลังจากการสอบภาคทฤษฎีผ่านแล้ว เราก็จะได้เอกสารในการทำใบขับขี่มา โดยอัตราค่าธรรมเนียมใบขับขี่แต่ละประเภทจะต่างกัน และจะมีค่าคำขอเพิ่มขึ้นด้วย 

-ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว อายุ 2 ปี ค่าธรรมเนียม 200 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 205 บาท
-ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว อายุ 2 ปี ค่าธรรมเนียม 100 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 105 บาท
-ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล อายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 500 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 505 บาท
-ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 255 บาท

*สำหรับใครที่อยากได้บัตรพลาสติกสำหรับใส่ใบขับขี่ ก็ให้เตรียมเพิ่มอีก 100 บาทด้วยค่ะ

 

หวังว่าหลาย ๆ คนคงเริ่มมั่นใจในการขับรถและการสอบใบขับขี่มากขึ้นด้วย อย่างไรก็อย่าลืมเตรียมความพร้อมในการเดินทางไกลสำหรับหยุดยาวที่จะถึงนี้ด้วยการเช็กความพร้อมของเครื่องยนต์ และเตรียมความพร้อมสภาพร่างกาย เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและถ้าขับไปสักพักแล้วรู้สึกล้าก็อย่าลืมแวะจอดที่ปลอดภัยเพื่อพักผ่อนก่อนเริ่มเดินทางอีกครั้งนะคะ