ปกป้องรถของคุณให้ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ

ปัญหาที่น่าหนักใจอย่างหนึ่งในประเทศไทย ที่ทุกคนต่างหวาดกลัวคือมลพิษทางอากาศที่กำลังแย่ลง มลพิษทางอากาศที่นี่นั้นแย่มากจนส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งที่มาสามแหล่งหลักของมลพิษทางอากาศ คือ การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะในเมือง, การเผาในที่โล่ง และ หมอกควันในพื้นที่ชนบท และ ชายแดน รวมถึงการระบายของเสียจากอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีโรงงานจำนวนมาก เมื่อเดือนที่แล้วมลพิษทางอากาศในเขตหนึ่งของกรุงเทพฯมีระดับค่า PM2.5 ที่อันตราย โดยอยู่ที่ 39 ถึง 72 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (μg / m3) (มาตรฐานของประเทศไทยสำหรับระดับ PM2.5 ที่ปลอดภัยคือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
นี่คือสิ่งที่ไส้กรองอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Filters) และ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Car Air Purifiers) จะเข้ามามีบทบาทเมื่อเดินทางด้วยรถยนต์

ไส้กรองอากาศในห้องโดยสาร (Cabin Air Filter) คืออะไร

โดยทั่วไปแล้วมักจะถูกสับสนกับไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ (Engine Air Filter) ไส้กรองอากาศในห้องโดยสารคือส่วนสำคัญอย่างยิ่งของรถยนต์ซึ่งกรองอากาศที่มาจากภายนอกรถเข้าสู่ห้องโดยสารของรถยนต์ผ่านระบบปรับอากาศ ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศที่คุณหายใจในรถ แต่ยังช่วยเพิ่มสุขอนามัยในรถไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย สำหรับคำอธิบายง่าย ๆ ไส้กรองอากาศในห้องโดยสารจะทำหน้าที่เป็นเหมือนหน้ากากสำหรับรถของคุณซึ่งจะป้องกันไม่ให้มลพิษที่น่ารังเกียจเข้ามาในรถของคุณ และ ปนเปื้อนตัวคุณรวมถึงคนที่คุณรักนั่นเอง
จากการศึกษา คุณภาพอากาศในรถยนต์สามารถก่อมลพิษได้มากกว่าอากาศภายนอกรถถึง 15 เท่า ซึ่งเมื่อมลพิษอยู่ภายในรถ มันก็จะเข้าสู่ปอดของคุณอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศในห้องโดยสารเป็นประจำเพื่อให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากตัวกรองเหล่านี้เป็นตัวกรองที่กันอากาศภายนอกของถนนไม่ให้เข้าสู่อากาศภายในรถของคุณ และ ปิดกั้นหมอกควันจำนวนมาก รวมถึงไอเสียสกปรกที่ยานพาหนะอื่น ๆ ปล่อยออกมาบนท้องถนน การเปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำ จะกันไม่ให้มลพิษเหล่าสามารถที่จะเข้าไปในห้องโดยสารของรถ และ เข้าสู่ปอดของคุณได้

เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifiers) คืออะไร

ขอบคุณภาพจาก : aliexpress.com

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ทำงานในลักษณะเดียวกันกับเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน เครื่องฟอกอากาศจะช่วยฟอกอากาศภายในรถ และ กำจัดมลพิษทั้งหมดในรถของคุณ โดยเครื่องฟอกอากาศจะเติมไอออนลบภายในรถที่ดักจับ และ กำจัดมลพิษทุกชนิดในรถของคุณรวมถึงฝุ่นละออง, ละอองเกสร, แบคทีเรีย, ไวรัส, ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) และ แม้แต่ควันบุหรี่ด้วยเช่นกัน

ความแตกต่างของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ (Car Air Purifiers) ประเภทต่างๆ

แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง (High Efficiency Particulate Air : HEPA)

ขอบคุณภาพจาก : gomechanic.in
ระบบแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง หรือ HEPA จะส่งอากาศผ่านตัวกรองทางกายภาพขนาดขนาดเล็กที่ดักจับฝุ่น, สารก่อภูมิแพ้, ขนของสัตว์เลี้ยง และ สารปนเปื้อนในอากาศอื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหลังจากไหลเวียนผ่านระบบแล้ว ระบบจะปล่อยอากาศที่สะอาดออกมา ด้วยระบบแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง คุณอาจต้องเปลี่ยนตัวกรองเป็นครั้งคราวเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไอออไนเซอร์ (Ionizers)

ขอบคุณภาพจาก : philkotse.com

เครื่องฟอกอากาศระบบไอออนิกจะปล่อยประจุไอออนซึ่งเกาะติดกับฝุ่นละอองภายในรถของคุณ และ ทำให้มันหนักเกินกว่าที่จะลอยไปมา ด้วยระบบไอออนิกคุณจะสังเกตเห็นว่าคุณอาจต้องดูดฝุ่นบ่อยครั้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อฝุ่นละอองร่วงลงจากน้ำหนักของไอออน พวกมันจะไปเกาะอยู่ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ในพื้นรถ, ผนัง หรือ แผ่นภายในเครื่องฟอกอากาศนั่นเอง

ประโยชน์ของการใช้เครื่องฟอกอากาศ

ขอบคุณภาพจาก : carbibles.com

ลดฝุ่นละอองในอากาศและสารก่อภูมิแพ้ โดยเป้าหมายหลักของเครื่องฟอกอากาศคือการทำให้อากาศที่คุณหายใจภายในรถมีสุขภาพดี และ สะอาด ซึ่งระบบส่วนใหญ่ที่คุณซื้อจะบอกว่าทำให้อากาศสะอาดขึ้น 99.9%

ทำให้หายใจสะดวกขึ้น โดยผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรือ โรคหอบหืดจะสังเกตเห็นความแตกต่างของคุณภาพอากาศภายในรถ แต่คุณไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเกี่ยวกับการหายใจเพื่อให้รู้ว่าเมื่อใดที่รถของคุณมีอากาศบริสุทธิ์ แล้วปอดของคุณจะรู้สึกขอบคุณที่มีมันเลยทีเดียว

ลดแบคทีเรีย คุณมักจะป่วยบ่อยเป็นประจำหรือเปล่า คุณอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่ารถของคุณจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งคุณอาจจจะคิดผิด เนื่องจากคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในรถ คุณจึงต้องสูดดมสิ่งสกปรกมากมายเข้าไปเต็มปอด ซึ่งนั่นคือการสะสมของแบคทีเรียจำนวนมากหากคุณไม่ทำความสะอาดรถเป็นประจำ

ลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ส่วนใหญ่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดกลิ่นบุหรี่, กลิ่นของสัตว์เลี้ยง, กลิ่นอาหาร, กลิ่นรถใหม่ ฯลฯ เครื่องฟอกอากาศแบบไอออนิกแสดงผลในการกำจัดกลิ่นที่ดีขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับระบบ แผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง (HEPA)

จากบทความนี้สรุปได้ว่า เพื่อรักษาปอดของคุณให้มีสุขภาพดีที่ อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองอากาศในห้องโดยสารอยู่เสมอ หรือ ลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมเพื่อให้อากาศในรถของคุณนั้นสะอาด และ ปลอดภัย นอกจากนี้ สำหรับบทความที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์มือสอง คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Carsome #CarsomeCares