มาทำความรู้จัก นีโอ (NIO) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ที่กำลังกลายเป็นผู้ท้าชิงสำคัญของเทสล่า (Tesla)

ในประเทศจีน รถยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ได้รับการเปิดตัวจากหลากหลายแบรนด์ยานยนต์รายใหญ่ของจีน เช่น ไบค์ (BAIC), จีลี่ (Geely), นีโอ (NIO) และ อื่น ๆ จีนเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ มีศักยภาพในด้านการเติบโตของธุรกิจรถยนต์ ในความเป็นจริง ตอนนี้จีนกำลังก้าวขึ้นมาด้วยความพยายามที่จะเป็นผู้นำของโลกในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นอกจากจีนแล้วนอร์เวย์ยังเป็นอีกหนึ่งในประเทศที่มีรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุด ตามด้วยแคลิฟอร์เนีย, เนเธอร์แลนด์ และ สวีเดน

รัฐบาลจีนมีความพยายามหลายอย่างในการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การกระจายเงินอุดหนุนจากรัฐบาลให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม, ข้อจำกัดที่ลดลง และ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดียิ่งขึ้น การที่มีรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายประเภทในตลาดทำให้ลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีทางเลือกมากขึ้นอีกด้วย

นีโอ (NIO) บริษัทสตาร์ทอัพที่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ

นีโอ หรือ NIO เป็นบริษัท ยานยนต์ในเซี่ยงไฮ้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลิต และ พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศจีน บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 2014 โดย วิลเลียม ลี (William Li) ประธานของบริษัท Bitauto และ NextEV หลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจ บริษัทหลายแห่งก็ได้แสดงความต้องการที่จะร่วมลงทุน รวมถึงบริษัท เทนเซ็นต์ (Tencent), เทมาเส็ก(Temasek), ไป๋ตู้ (Baidu), ซีคัวยา (Sequoia), เลโนโว (Lenovo) และ ทีพี่จี (TPG) ในความเป็นจริงแล้วรถสปอร์ตนีโอรุ่นแรก ที่มีชื่อรุ่นว่า นีโอ อีพี 9 (NIO EP9) นั้นได้เปิดตัวในวันเดียวกับที่แบรนด์ก่อตั้งขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้าเทคโนโลยีขั้นสูงของนีโอ (NIO)

อาจเป็นรูปภาพของ รถยนต์

ระบบที่มีชื่อว่า NIO Pilot จัดอยู่ในระบบกึ่งอัตโนมัติในระดับสองของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติหรือ SAE (Society of Automotive Engineers) ที่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems: ADAS) เทคโนโลยีนี้ได้เปิดตัวในระหว่างการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนีโอ อีเอส 8 (NIO ES8) เทคโนโลยียังนี้ได้รับการอัปเดตหลายครั้งตลอดปีค.ศ. 2018 และ 2019 อีกทั้งยังมีคุณสมบัติใหม่บางอย่าง เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบเตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบขับขี่อัติโนมัติ (Highway Pilot), ระบบขับขี่อัติโนมัติบนทางหลวง (Traffic Jam Pilot), ระบบการเปลี่ยนช่องทางเดินรถอัตโนมัติ และ อื่น ๆ อีกมากมาย

ชุดเซ็นเซอร์ของ NIO Pilot ประกอบด้วยกล้องหน้าแบบสามมิติ, เซ็นเซอร์ 5 ตัว, เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และ กล้องตรวจจับคนขับ นีโอเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต EyeQ4 ของ Mobileye นอกจากนั้นนีโอยังได้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียกว่า NOMI ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ในยานยนต์รุ่นแรก ซึ่งกล่าวกันว่า NOMI สามารถเปิดใช้งานระบบนำทางของรถ, ควบคุมเสียงเพลงในรถ และ สามารถถ่ายเซลฟี่ผู้โดยสารในรถยนต์ได้

นีโอ อีพี 9 (NIO EP9) ซูเปอร์คาร์ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลก

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น นีโอ อีพี 9 (NIO EP9) ถือครองสถิติรอบที่เร็วที่สุด 5 อันดับสำหรับประเภทรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในสนามแข่งรถ นูร์เบอร์กริง นอร์ทชไลเฟอ (Nürburgring Nordschleife), พอล ริชาร์ด เซอร์กิต (Paul Ricard Circuit), เซอร์กิต ออฟ เดอะ อเมริกาส์ (Circuit of the Americas) และ เซี่ยงไฮ้อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต (Shanghai International Circuit)

นีโอ (NIO) หรือที่ได้รับฉายาว่าเทสล่า (Tesla) ของจีนเปิดตัวรถยนต์ซีดานคันแรก ในชื่อรุ่น อีที 7 (ET7)

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

นีโอ (NIO)  บริษัท สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเปิดตัวรถยนต์ซีดานพลังงานไฟฟ้า (EV) รุ่นแรกที่มีเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่กล่าวกันว่าสามารถแข่งขันกับเทสล่า (Tesla) ได้ ราคาของรถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นอีที 7 (ET7) คาดว่าจะเริ่มต้นในราคาที่ต่ำเพียง 448,000 หยวนเท่านั้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบใหม่ที่มีความละเอียดของกล้อง 8 ล้านพิกเซลซึ่งเทียบกับ 1.2 ล้านพิกเซลสำหรับรถยนต์เทสล่า และ ชิปประมวลผลที่ให้พลังการประมวลผลที่มากกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์อเมริกัน โมเดลรถยนต์คล้ายเทสล่ารุ่นที่ผลิตในจีนนี้มีกำหนดจะเข้าสู่ตลาดในไตรมาสแรกของปีค.ศ. 2022

คุณสมบัติและข้อมูลจำเพาะของรุ่นอีที 7 (ET7)

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้านีโอ รุ่น อีที 7 (NIO ET7) นั้นให้ระยะทางในการขับขี่สูงสุดถึง 1,000 กม. (621 ไมล์) สำหรับการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง รถยนต์ซีดานไฟฟ้านีโอรุ่นใหม่นี้ยังมีคุณสมบัติอย่างหลังคากระจกลามิเนต, เบาะนั่งคู่หน้าที่สามารถทำให้อุ่นได้ และ ลำโพง 23 ตัว ลำโพงเหล่านี้ใช้พลังงานจากแอมพลิฟายเออร์ 20 แชนแนล 1,000 วัตต์ (W) พร้อมเทคโนโลยีอะคูสติกชั้นนำระดับโลกที่มอบประสบการณ์เสียงที่น่าทึ่ง ต้นแบบของซีดานไฟฟ้า นีโอ รุ่น อีที 7 นี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ของประเทศจีน หรือ Shanghai Auto Show ในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2019

ระบบไฟตอบสนองอัจฉริยะ (Smart Lighting Interaction)

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

นีโอ อีที 7 (NIO ET7) มาพร้อมกับไฟ LED แบบ Dual-beam, ไฟส่องสว่างตอนกลางวันแบบ 2 ขีด และ ไฟท้ายแบบ Heartbeat

ประตูที่สามารถปิดได้อย่างนุ่มนวล พร้อมหน้าต่างแบบไร้ขอบ

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบประตูอัจฉริยะซึ่งจะเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อคุณจับที่มือจับประตูรถ และ ประตูจะปิดโดยอัตโนมัติพร้อมกับการปิดอย่างนุ่มนวลหลังจากที่คุณนั่งลง ประตูจะเปิดโดยอัตโนมัติเพียงแค่กดปุ่มเมื่อคุณต้องการลงจากรถ

กว้างขวาง, สบาย, พิถถีพิถัน

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

การตกแต่งภายในของรุ่นอีที 7 (ET7) ผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูง และ การออกแบบที่ทันสมัย จอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์แบบลอยตัว, พวงมาลัยทูโทนแบบสองก้าน และ ช่องปรับอากาศที่ซ่อนอยู่ด้านหน้า และ ด้านหลัง ทำให้พื้นที่ภายในดูหรูหราทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งให้การควบคุมการไหลเวียนของอากาศที่สะดวกสบาย ซึ่งรถยังติดตั้งระบบน้ำหอมปรับอากาศ (Fragrance System) และ ระบบปรับคุณภาพอากาศอัจฉริยะ (Smart Air Quality) ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารนั้นสะอาด และ ให้ความรู้สึกสดชื่น

ระบบไฟภายในห้องโดยสารแบบ Waterfall Ambient 

นอกจากนี้รถยังมีระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารพร้อมตัวเลือกสี 64 สีที่สามารถปรับแต่งได้เพื่อความสะดวกสบาย และตัวเลือกเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

การตกแต่งที่ประณีตพิถีพิถันในทุกรายละเอียด

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

แร่โครเมียมช่วยเน้นส่วนที่ดูเรียบง่ายด้วยการตกแต่งที่หรูหรา เบาะนั่งที่ทำจากหนังวัวนัปป้า (Nappa) และ ผ้าบุหลังคาไมโครไฟเบอร์จะทำให้คุณต้องประหลาดใจ และ ชวนให้หลงใหล นอกจากนี้ รถยังตกแต่งด้วยที่นั่งทรงทันสมัยที่มาพร้อมกับที่วางแขน และ ที่รองศีรษะ, หลังคากระจกลามิเนต, ที่นั่งที่สามารถระบายอากาศได้ ,ที่นั่งที่สามารถทำให้อุ่นได้พร้อมฟังก์ชั่นนวดและ คุณสมบัติมาตรฐานอื่น ๆ

พื้นที่ใช้สอยเคลื่อนที่อัจฉริยะ

ขอบคุณภาพจาก www.nio.com

ดิจิทัล ค็อกพิท (Digital Cockpit) รุ่นที่สองของนีโอยังมีคุณสมบัติในการใช้งานแบบหลายหน้าจอ เช่น NOMI, จอแสดงผลกลางแบบ AMOLED ขนาด 12.8 นิ้ว, แผงหน้าปัดดิจิตอล HDR ขนาด 10.2 นิ้ว, การปรับที่นั่งด้านหลังแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมหน้าจอสัมผัส HDR และ HUD ขั้นสูง รุ่นนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Qualcomm® Snapdragon ™ Automotive Cockpit รุ่นที่สามที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อ และ การสื่อสารภายในรถยนต์ขั้นสูงสุด ได้แก่ 5G, V2X, Bluetooth 5.2, Wi-Fi 6 และ UWB

แม้ว่ารถคันนี้อาจจะยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ แต่คุณสามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้าดี ๆรุ่นอื่นในประเทศไทยได้ สำหรับบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์มือสอง อย่าลืมติดตามได้ที่เว็บไซต์ของ Carsome เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม