เจาะลึก CARSOME Certified Lab ประเทศไทย

ผ่านไปแล้วกับการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ของ CARSOME Certified Lab ศูนย์ปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์มือสองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,780 ตร.ม. และมีผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ที่พร้อมปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถมือสองให้ได้คุณภาพระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์มือสองที่ CARSOME รับประกันคุณภาพ สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ระบบเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบความปลอดภัย ฟังก์ชันต่างๆ รวมถึงการเก็บงานภายในและภายนอกให้สวยพร้อมใช้ ให้คุณมั่นใจได้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ

อ่านเพิ่มเติม CARSOME เปิดตัว CARSOME Certified Lab ประเทศไทย มุ่งยกระดับมาตรฐานการซื้อ-ขายรถมือสอง

CARSOME Certified Lab ประเทศไทย อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ 

วันนี้ CARSOME ขอพาไปเจาะลึกว่ารถมือสองที่ได้รับการประกันคุณภาพจาก CARSOME นั้นต้องผ่านขั้นตอนใดบ้างกว่าจะพร้อมส่งมอบถึงมือคุณ

จุดเด่นของ CARSOME Certified Lab

ที่ CARSOME Certified Lab ประเทศไทย รถมือสองที่ผ่านการคัดสรรมาในขั้นตอนแรก จะได้รับการตรวจเช็ก 175 จุด ก่อนปรับสภาพและซ่อมบำรุงอย่างละเอียดตามมาตรฐานของ CARSOME โดยครอบคลุมถึง ขั้นตอนการปรับสภาพรถตั้งแต่ต้นจนจบ การตรวจสอบคุณภาพโดยรวมทั้งหมดของรถ และการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในทุกขั้นตอน

คุณศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์ซัม (ประเทศไทย) จำกัด และทีมผู้เชี่ยวชาญในการตรวจและปรับสภาพรถยนต์ของ CARSOME 

นอกจากนี้แล้ว ด้วยความสามารถของช่างผู้เชี่ยวชาญของ CARSOME ผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ CARSOME Certified Lab ประเทศไทย สามารถปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถมือสองได้สูงสุดถึง 3,000 คันต่อเดือน

การปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถมือสองของ CARSOME

นอกจากการบริการชั้นเลิศของเรา รถยนต์ที่ผ่านการคัดสรรและรับรองคุณภาพจาก CARSOME ยังเป็นรถที่ได้มาตรฐาน คุณภาพเยี่ยม และคุ้มค่าทั้งในด้านคุณภาพ ราคา ความสะดวกสบาย และความอุ่นใจ

หากเราเจาะลึกลงไปถึงขั้นตอนตั้งแต่การรับรถเข้ามาที่ศูนย์ปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์มือสองของ CARSOME จนเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนพร้อมนำขายบน เว็บไซต์ จะมีรายละเอียดทั้งหมด ดังนี้ 

ขั้นตอนการปรับสภาพรถที่ศูนย์ปรับสภาพและซ่อมบำรุงรถยนต์

1. รับรถ (Unloading)

รถมือสองทุกคันที่มาถึง CARSOME Certified Lab จะถูกตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เคยผ่านอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ น้ำท่วม นอกจากนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจเช็กความถูกต้องตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมา เช่น รุ่นและสี รวมถึงอุปกรณ์พื้นฐานที่มีภายในรถ สุดท้ายจะมีการถ่ายรูปโดยรอบเพื่อนำไปต่อประกันและต่อภาษี

2. ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์อย่างถี่ถ้วน (Vehicle Incoming Quality หรือ VIQ) 

ต่อมารถจะถูกนำมาที่อุโมงค์ไฟ (Light Tunnel) เพื่อตรวจเช็ก 175 จุด ทั้งภายใน-ภายนอก ฟังก์ชันการใช้งาน ระบบความปลอดภัย ระบบไฟฟ้า และช่วงล่าง ซึ่งการเช็กในขั้นตอนนี้ ทาง CARSOME นำเครื่อง OBD (On-board diagnostics) และ VCI (Vehicle Communication Interface) หรือเครื่องวิเคราะห์การทำงานและแจ้งเตือนความผิดปกติของรถยนต์มาใช้ในการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อความละเอียดถี่ถ้วนและได้มาตรฐานระดับโลก อาทิ ตรวจประวัติการซ่อมรถ เช็กการกรอไมล์ เช็กชุดถุงลมนิรภัย เป็นต้น

อุโมงค์ไฟ (Light Tunnel) คืออุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยไฟ LED จำนวนมาก ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นรอยขีดข่วนและรอยถลอกบนพื้นผิวรถยนต์และโดยรอบได้ชัดเจนกว่าปกติ เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นก่อนนำรถไปยังขั้นตอนต่อไป

การตรวจเช็กช่วงล่างรถยนต์ อาทิ 

• ล้อ
• ยาง
• โช๊คอัพ
• การรั่วซึมของเหลว 
• ท่อไอเสีย  

การตรวจเช็ก 175 จุด ช่างผู้เชี่ยวชาญจะทำการระบุข้อมูลต่างๆ ที่พบเจอลงในเอกสารของรถแต่ละคัน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจเช็กในขั้นตอนต่อไป และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด 

3. จุดซ่อมแซมและบำรุงรักษา (General Repair)

เมื่อผ่านขั้นตอนการตรวจเช็กมาแล้ว จะเริ่มงานซ่อมแซมจุดต่างๆ ตามที่พบในการตรวจเช็กที่จุดตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ (VIQ) ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบไฟฟ้าทั้งหมด ระบบส่งกำลัง การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เจียรจานเบรก นอกจากนั้นแล้ว หากมีอะไหล่หรืออุปกรณ์ใดที่เสียหายหนัก ทาง CARSOME จะทำการสั่งซื้อจากศูนย์และเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้ เพื่อไม่ให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเองภายหลัง 

สิ่งที่ CARSOME เปลี่ยนให้ทั้งหมด 

• น้ำมันเครื่อง
• กรองน้ำมันเครื่อง
• น้ำมันเกียร์ ในกรณีที่พบว่าเข้าเกียร์ยาก ไม่ลื่นไหล
• กรองแอร์ กรองอากาศ
• ยางปัดน้ำฝน
• ยางรถ ในกรณีที่อายุเกิน 5 ปี หรือตามความเหมาะสม
• ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

4. กระบวนการซ่อมสีและตัวถัง (Body Paint Repair & Polishing) 

หลังจากผ่านขั้นตอนการซ่อมแซมและบำรุงรักษามาแล้ว หากรถคันดังกล่าวมีความจำเป็นจะต้องทำการซ่อมสีและตัวถัง รถจะถูกนำมายังจุดนี้เพื่อทำการปรับแก้อย่างละเอียดก่อนไปยังขั้นตอนต่อไป ตั้งแต่การแก้ไขรอยบุบ รอยขีดข่วน และการซ่อมสี

การซ่อมและลงสีรถยนต์จะดำเนินการภายในห้องทำสีโดยเฉพาะ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญจะทำการเช็กรหัสสีรถแต่ละรุ่น และทำการผสมใหม่ โดยใช้สี OEM เพื่อให้ตรงตามมาตรฐานและคุณภาพสูงสุด

5. กระบวนการเก็บรายละเอียดและล้างรถ (Detailing & Car Washing) 

ช่างผู้เชี่ยวชาญจะดำเนินการเก็บรายละเอียดและทำความสะอาดทั้งภายนอก ห้องเครื่อง และภายในห้องโดยสาร รวมถึงหากเบาะโดยสารมีการฉีกขาด หรือมีรอยขีดข่วน ผู้เชี่ยวชาญของเราก็จะทำการซ่อมแซมและปรับสภาพให้สมบูรณ์และพร้อมใช้งานมากที่สุด 

เมื่อขั้นตอนการเก็บรายละเอียดเสร็จสิ้น จากนั้นรถจะถูกนำไปยังขั้นตอนการล้างและเคลือบ เพื่อให้ภายนอกเงางาม น่าใช้งานยิ่งขึ้น

6. ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ขั้นสุดท้าย (Vehicle Assurance Quality หรือ VAQ) 

หลังการปรับสภาพและซ่อมบำรุงทุกขั้นตอนเสร็จสิ้น ช่างผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ครั้งสุดท้าย โดยการตรวจสอบในขั้นตอนนี้จะครอบคลุมทุกระบบของรถยนต์ รวมถึงภายนอกและภายใน เพื่อให้มั่นใจว่าตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวดของ CARSOME ซึ่งหากพบว่ายังมีจุดที่ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือต้องปรับสภาพเพิ่มเติม รถจะถูกนำกลับไปดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นอีกครั้ง 

7. จุดถ่ายรูป 360 องศาและนำขาย (Photo Booth & Listing) 

มีเพียงรถที่ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานของ CARSOME เท่านั้น ที่จะถูกนำมายังจุดถ่ายรูปและนำมาขายบนเว็บไซต์ carsome.co.th และแอปพลิเคชันของ CARSOME 

ขั้นตอนการถ่ายรูปของเรานั้น ไม่เพียงแค่เป็นการถ่ายรูปรถ 360 องศา แต่ยังมีการถ่ายรูปภายนอกและภายในรถอย่างครบถ้วนทุกมุมมอง เพื่อให้คุณเห็นทุกรายละเอียดอย่างชัดเจนก่อนเลือกซื้อหรือจองทดลองขับ

CARSOME มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับและพลิกโฉมการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองในประเทศไทย ทั้งในด้านคุณภาพ การบริการ และตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของคุณ โดยรถยนต์มือสองที่รับประกันคุณภาพจาก CARSOME ทุกคันมาพร้อมการตรวจเช็ก 175 จุดและปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน วารันตีประกันศูนย์ 1 ปีเต็ม การันตีคืนเงินภายใน 30 วัน และราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ให้คุณมั่นใจกับรถในฝันได้ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ 

หากคุณสนใจซื้อรถยนต์มือสอง คุณภาพดี รับประกันคุณภาพจาก CARSOME เลือกชมได้ ที่นี่