สินเชื่อรถยนต์ หรือ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อรถทุกคนควรศึกษาก่อนจะตัดสินใจซื้อรถสักคัน ไม่ว่าจะซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสอง เพราะในการชำระเงินมี 2 ตัวเลือกให้คุณเลือก ได้แก่การชำระเงินสดหรือการใช้สินเชื่อรถยนต์นี้เอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ซื้อรถคันแรกอาจจะมีความสับสนเกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์อยู่บ้าง วันนี้เราเลยจะมาอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เข้าใจอย่างละเอียด รวมถึงบอกอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้ได้ตัดสินใจเลือกกันอีกด้วย
สารบัญ
สินเชื่อรถยนต์คืออะไร?
สินเชื่อรถยนต์ คือสินเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบหนึ่งที่ช่วยเป็นเงินทุนในการซื้อยานยนต์ทั้งมือหนึ่งและมือสอง เป็นสัญญาการซื้อ-ขายระหว่างผู้ซื้อกับผู้จำหน่ายรถยนต์ผ่านตัวการอย่างสถาบันทางการเงิน
ผู้ซื้ออาจคำนึงถึงการขอสินเชื่อรถยนต์ได้จากหลายปัจจัย เช่น
- เงินเก็บของผู้ซื้อไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายล่วงหน้าทั้งหมดได้
- ผู้ซื้อมีภาระผูกพันทางการเงินอื่น ๆ
- ผู้ซื้อชอบจ่ายเงินเป็นงวด ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุล และเพิ่มกระแสเงินสดของตน
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ผู้ซื้ออาจจะไม่มีเงินทุนสำรองก้อนใหญ่ ดังนั้นสินเชื่อรถยนต์จึงเข้ามาช่วยคุณได้
ขั้นตอนของสินเชื่อรถยนต์: สถาบันการเงินจะเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ เมื่อผู้ซื้อขอสินเชื่อแล้ว ธนาคารจะเป็นผู้ชำระเงินให้ก่อน โดยผู้ซื้อต้องทำสัญญาชำระเงินคืนเป็นรายเดือน เมื่อชำระครบก็จะโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กับผู้ซื้อ และนอกจากเงินต้นที่ต้องชำระแล้วก็ยังมีอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระให้ครบเช่นเดียวกัน โดยอัตราดอกเบี้ยนี้ก็จะแตกต่างกันไปตามสถาบันทางการเงินและระยะเวลาในการผ่อน
คำแนะนำในการเลือกสินเชื่อรถยนต์
- ศึกษาข้อมูลของสถาบันการเงินที่ต้องการขอสินเชื่อรถ
ในการเลือกสินเชื่อรถยนต์ การเลือกสถาบันทางการเงินที่มีเครดิตและน่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ควรคำนึงถึงทางเลือกการชำระเงินที่มีให้หลายช่องทางเพื่อความสะดวกและหลากหลาย รวมถึงมีการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ
- พิจารณาราคาสินเชื่อรถยนต์และดอกเบี้ย
ตลาดสินเชื่อรถยนต์ในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง ข้อเสียคือผู้ซื้อจะต้องสำรวจ และ ค้นคว้าหาทางเลือกที่มีอยู่มากมายในการหาเงินกู้ที่เหมาะสมกับความต้องการทางการเงินของตนเอง แต่ในแง่ดีนั้นหมายความว่าผู้ซื้อจะได้รับการเสนอราคาในอัตราที่ไม่แพง โดยคาดว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยต่ำถึง 1.95% และ สามารถอยู่ในช่วงสูงถึง 13% เลยทีเดียว – ซึ่งแน่นอนว่าอัตรานี้ขึ้นอยู่กับแผนการชำระหนี้
ดังนั้นผู้ซื้อควรเลือกจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการผ่อนที่เหมาะสมกับตนเอง
- ใช้โปรแกรมคำนวณสินเชื่อรถยนต์
การใช้โปรแกรมคำนวณสินเชื่อรถยนต์เป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการลดเวลาในการค้นคว้าข้อมูลของคุณ โปรแกรมคำนวณสินเชื่อรถยนต์ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถที่จะ
- ทราบจำนวนเงินชำระคืนเงินกู้รถยนต์รายเดือนโดยประมาณ
- สร้าง และ ดูแผนภูมิการชำระคืนเงินต้น, ดอกเบี้ย และ ยอดคงเหลือ ซึ่งคือตลอดช่วงเวลาเงินกู้ที่เลือกไว้
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตารางการชำระคืนเงินต้น, ดอกเบี้ย และ ยอดคงเหลือเป็นรายปี
นอกจากนี้ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรมากมายเพื่อรับข้อมูลสินเชื่อรถยนต์เหล่านี้ การใช้โปรแกรมคำนวณสินเชื่อรถยนต์นั้นค่อนข้างง่าย สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ:
- ใส่ราคารถในสกุลเงินบาท (THB)
- ใส่จำนวนเงินดาวน์ที่ต้องการเป็นสกุลเงินบาท (THB)
- ป้อนระยะเวลาสินเชื่อรถยนต์ที่ต้องการเป็นปี
- ป้อนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเปอร์เซ็นต์
เพียงป้อนข้อมูลทั้งหมด กดคลิก แล้วคุณจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และ ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับสินเชื่อรถยนต์ของคุณ ธนาคารหลายแห่งทั่วประเทศไทยได้สร้างโปรแกรมคำนวณสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้ที่มีโอกาสมาเป็นลูกค้า (Potential Clients) เช่น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารกรุงศรี
- พิจารณาตัวเลือกสินเชื่อรถยนต์มือสอง
สินเชื่อสำหรับยานยนต์ในประเทศไทยมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน จากข้อมูลของบริษัท The Asian Banker สินเชื่อรถยนต์มือหนึ่งเป็นทางเลือกทางการเงินที่พบบ่อยที่สุด โดยสูงถึง 70% อย่างไรก็ตามธนาคารยังให้บริการสินเชื่อรถยนต์มือสองอีกด้วย โดยมากถึง 18% ซึ่งพอร์ตการลงทุนของธนาคารในประเทศไทยเป็นสินเชื่อรถยนต์มือสอง และสุดท้ายคือสินเชื่อประเภทขายและเช่าคืน (Sale and Leaseback) ภายใต้โครงการสินเชื่อรถแลกเงิน หรือ Cash Your Car (CYC) สูงถึง 12%
สินเชื่อรถยนต์มือสองมีไว้สำหรับผู้ที่ต้องการได้รับเงินทุนเมื่อซื้อรถมือสอง แม้ว่านี่จะเป็นภาระผูกพันเล็กน้อยสำหรับรถยนต์มือสอง แต่นี่เป็นทางออกทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับผู้ซื้อรถ
ลองใช้สถานการณ์นี้เป็นตัวอย่าง หากคุณต้องการซื้อรถมือหนึ่งในราคาประมาณ 970,000 บาท และ คุณมีรายได้ประมาณ 450,000 บาทต่อปี ตามหลักแล้วคุณต้องวางเงินดาวน์อย่างมากที่สุด 195,000 บาท (~ 20% ของราคา) และ ใช้เงินกู้ 5 ปีเพื่อชำระคืนส่วนที่เหลือ ซึ่งคุณควรที่จะจ่ายไม่เกิน 7,500 บาทต่อเดือน (หรือประมาณ 20% ของเงินเดือนของคุณ) สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้
ข้อเสนอนี้ดูไม่เลวเลยทีเดียว แต่ทำไมไม่ลองทำให้ภาระน้อยลงด้วยการเลือกซื้อรถมือสองแทนล่ะ
รถรุ่นเดียวกันกับที่คุณกำลังมองหานั้นมีมูลค่าลดลง และ เสื่อมราคาลง สมมติว่าภายใน 3 ปี รถมือสองจะราคาถูกลงประมาณ 30% ทำให้ราคาลดเหลือเพียง 500,000 บาท ซึ่งประหยัดได้มากกว่า 200,000 บาท และ ลดการชำระหนี้รายเดือนของคุณเหลือเพียงประมาณ 6,000 บาท หากคุณยังคงกู้เงินเป็นเวลา 5 ปีเพื่อซื้อรถ หรือ คุณสามารถทำให้ระยะเวลาสั้นลงได้อีกด้วย
ประโยชน์อื่น ๆ ของการซื้อรถมือสองคือเจ้าของรถสามารถเพลิดเพลินกับอัตราค่าประกันรถยนต์ที่ลดลง รวมถึงการต่ออายุทะเบียน และเนื่องจากการเลือกซื้อรถยนต์มือสองจะช่วยประหยัดมูลค่าโดยรวมของคุณได้มากขึ้น ดังนั้นคุณสามารถพิจารณารถรุ่นที่สูงขึ้นได้
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อรถยนต์
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าต้องการจะขอสินเชื่อรถยนต์ คราวนี้ก็ถึงเวลามาจัดเตรียมเอกสารและขั้นตอนต่าง ๆ ให้ครบถ้วน มาดูกันเลยว่าเอกสารที่คุณต้องเตรียมในการขอสินเชื่อรถยนต์มีอะไรบ้าง
คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ: อายุ 20 – 60 ปี
เอกสารที่ต้องใช้ขอสินเชื่อ
- สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ 4 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้าน 4 ชุด
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- สมุดบัญชีเงินฝาก ย้อนหลัง6เดือน
- หลักฐานแสดงที่มาของรายได้หรือหนังสือรับรองเงินเดือน
- หนังสือรับรองบริษัทและใบภ.พ.20 (กรณีนิติบุคคล)
- กรณีเจ้าของกิจการ – ใช้หนังสือรับรองบริษัท (อายุไม่เกิน3เดือน)
ขั้นตอนในการขอสินเชื่อรถยนต์
เมื่อรู้ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างแล้ว ต่อไปเราก็มาดูกันเลยว่าขั้นตอนการขอสินเชื่อรถยนต์นั้นมีอะไรบ้าง และขั้นตอนนั้นก็ไม่ยุ่งยากวุ่นวายอะไรเลย เพราะต้องทำแค่ไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น ดังนี้
- เลือกธนาคารหรือสถาบันทางการเงินที่ต้องการขอสินเชื่อ (อาจคำนึงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เหมาะสมกับตนเอง)
- เตรียมเอกสารการขอสินเชื่อให้เรียบร้อยและยื่นให้กับธนาคาร
- ฝ่ายประเมินสินเชื่อทำการตรวจสอบ ไม่เกิน 7 วันทำการ
- เมื่อได้รับผลการอนุมัติแล้วก็ต้องทำสัญญากู้ยืม
- รับรถยนต์และสำเนาทะเบียนรถ (เล่มจริงจะอยู่ที่สถาบันการเงิน จะได้รับเมื่อผ่อนเสร็จสิ้น)
ทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ก่อนที่จะไปขอสินเชื่อธนาคาร ขั้นตอนแรกคือต้องทำความเข้าใจกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กันเสียก่อน โดยดอกเบี้ยเงินกู้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดเปอร์เซ็นต์ตายตัวและจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอีกตลอดระยะเวลาที่กู้
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามการลงทุนของผู้ให้กู้
วิธีการคำนวณดอกเบี้ย
ในการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนใหญ่นั้นใช้การคำนวณแบบอัตราดอกเบี้ยต่อปีและยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มูลค่าของเวลา (ยิ่งกู้นานดอกเบี้ยยิ่งสูง) โดยอัตราดอกเบี้ยที่ควรจะรู้จักไว้ก่อนจะทำการขอสินเชื่อรถยนต์ ได้แก่
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) หมายถึงอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้หักลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ
- ตัวอย่าง: ฝากเงิน 10,000 บ าทไว้กับธนาคารพาณิชย์โดยได้รับดอกเบี้ย 2% ต่อปี หากอัตราเงินเฟ้อเท่ากับ 3% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเท่ากับ -1% (2% – 3% = -1%) หรืออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ 1% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อจะลดลง เช่น หากต้องการซื้อสินค้าราคา 10,000 บาท ในตอนต้นปี ถ้าเงินฝากจำนวน 10,000 บาท ซึ่งได้รับดอกเบี้ย 2% พอถึงสิ้นปีเงินฝากนี้ก็จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,200 บาท แต่ราคาสินค้าทั่วไปกลับเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเป็น 10,300 บาท เงินออมที่มีจึงไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้าชิ้นนี้ (ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.set.or.th/)
- อัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายจริง (Effective Interest Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่คำนวณจากจำนวนเงินที่ผู้กู้ได้รับจริง ระยะเวลาการกู้ยืม การจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยจะพิจารณาจากส่วนต่างที่แท้จริงของเงินต้นกับเงินที่ผู้กู้ต้องจ่ายคืน
- ตัวอย่าง: กู้เงินผ่อนสินค้า 30,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อเดือน โดยจะต้องชำระทั้งสิ้น 24 เดือน ซึ่งเงินผ่อนชำระต่อเดือน = (เงินต้น + ดอกเบี้ย) จำนวนงวด = [30,000 + (30,000 x 2% x 24)] 24 = 1,850 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นเงินที่จ่ายคืนให้เจ้าหนี้ทั้งสิ้น 44,400 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณเปรียบเทียบกับเงินต้นและระยะเวลาที่กู้ยืมแล้ว จะต้องเสียดอกเบี้ย 3.41% ต่อเดือนหรือ 40.88% ต่อปี (ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.set.or.th/)
เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยขอสินเชื่อรถมือสอง
ต่อมา เมื่อเข้าใจเกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กันอย่างคร่าว ๆ แล้วก็มาดูอัตราดอกเบี้ยรถมือสองของสถาบันทางการเงินต่าง ๆ กันดูบ้างเพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจเลือกได้ถูกต้องกัน
ธนาคาร |
ปีที่จดทะเบียน | อัตราดอกเบี้ยคงที่ต่อปี (Flat Interest Rate) | อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) |
ไทยพาณิชย์ | รถยนต์อายุไม่เกิน 9 ปี
รถยนต์อายุ 10 ปีขึ้นไป |
13%
17% |
26%
34% |
ลีสซิ่งกสิกรไทย | 2560 – 2561
2558 – 2559 2554 – 2555 |
3.25% – 6.45%
3.50% – 6.70% 3.95% – 6.85% |
6.40% – 12.71%
6.90% – 13.20% 7.78% – 13.49% |
ธนาคารธนชาต | 2559 ขึ้นไป
2557 – 2558 2555 – 2556 2550 – 2554 |
3.90% – 13.95%
4.35% – 14.35% 4.65% – 14.75% 5.70% – 15.25% |
7.29% – 22.17%
8.10% – 22.70% 8.63% – 23.24% 10.46% – 23.90% |
ธนาคารเกียรตินาคิน | – | 3.75% – 15.00% | 7.00% – 27.69% |
ธนาคารทิสโก้ | 2558 ขึ้นไป
2556 – 2557 2554 – 2555 |
6.00%
6.50% 7.00% |
10.97%
11.83% 12.68% |
ซีไอเอ็มบีไทย ออโต้ | รถยนต์ใช้แล้ว
รถยนต์ใช้แล้ว (อายุ 15 – 19 ปี) |
22.75%
21.75% |
33.33%
34.98% |
เงินติดล้อ |
2563 – 2558 2557 – 2553 2552 – 2548 2547 – 2543 |
1.00% ต่อเดือน
1.25% ต่อเดือน 1.50% ต่อเดือน 1.75% ต่อเดือน |
21.46% – 36.74% |
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
สินเชื่อรถยนต์ธนาคารไทยพาณิชย์
อัตราดอกเบี้ยธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ลีสซิ่งกสิกรไทย
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ธนาคารธนชาต
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรถกู้เงินด่วน ธนาคารเกียรตินาคิน
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ทิสโก้
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว CIMB Thai
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม เงินติดล้อ
การปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์มือสอง
สินเชื่อรถยนต์มือสองอาจเป็นตัวเลือกทางการเงินที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งยังคงสามารถรองรับการให้บริการได้ ในความเป็นจริงมีการเปลี่ยนแปลงในตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้
ข้อพิสูจน์คือ จุดมุ่งหมายของธนาคารธนชาตในการปรับปรุงกระบวนการทำงานเบื้องหลัง (Back-End Process) ซึ่งรวมถึงการอนุมัติสินเชื่อ, การให้คะแนน และ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับยานพาหนะมือสอง ตามข้อมูลที่เผยแพร่ใน The Asian Banker ธนชาตคลายนโยบายเล็กน้อยสำหรับรถยนต์มือสอง และ ขยายการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ธนาคารยังเพิ่มอัตราการอนุมัติล่วงหน้าจาก 83% เป็น 88% และ เพิ่มปริมาณสินเชื่อรถยนต์มือสองเป็นสองเท่า ปริมาณรถยนต์มือสองของธนชาตฟื้นตัวจากการดำเนินงานนี้ โดยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เติบโตเล็กน้อยเป็น 0.14%
พูดง่ายๆก็คือมีอุปสงค์ และ อุปทานสำหรับรถยนต์มือสองซึ่งมาพร้อมกับการอนุมัติที่ราบรื่นขึ้น และ อัตราสินเชื่อรถยนต์มือสองที่ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าโดยทั่วไปแล้วอัตราสินเชื่อรถยนต์มือสองจะสูงกว่าอัตราสินเชื่อรถยนต์มือหนึ่ง ในประเทศไทยอัตราสินเชื่อรถยนต์มือสองอยู่ระหว่าง 7.2% (อัตราคงที่) ถึง 14.2% (อัตราคงที่) แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับธนาคารที่เลือก, ระยะเวลาการชำระหนี้ และ อื่น ๆ
ท้ายที่สุดแล้วการขอสินเชื่อรถยนต์ถือเป็นข้อผูกมัด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำไมเราจึงแนะนำให้ใช้เวลาในการเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ คุณควรพิจารณาความจำเป็น และ ความต้องการของคุณตั้งแต่ยี่ห้อ และ รุ่นของรถยนต์ ไปจนถึงพิจารณาว่ารถยนต์มือสองหรือรถมือหนึ่งที่เหมาะสมกว่ากัน รวมถึงตรวจสอบความต้องการของคุณด้วยตัวเลือกสินเชื่อต่างๆ คุณควรคำนึงถึงปัจจัยข้างต้น และ จดจำไว้ว่า อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่สิ่งเดียวที่คุณควรพิจารณา
เคล็ดลับทั้งหมดนี้สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีที่สุด และ เข้าใกล้รถในฝันของคุณไปอีกขั้นหนึ่ง อย่าลืมเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Carsome เพื่อทราบว่าคุณจะสามารถขายรถมือสองเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับรถคันใหม่ของคุณได้อย่างไร
อ่านบทความต่อ: สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับประกันรถยนต์ พร้อมเปรียบเทียบเบี้ยประกันฉบับสมบูรณ์ หรือ วิธีต่อใบขับขี่ออนไลน์ง่ายๆ ทำเองได้ ไม่กี่ขั้นตอน
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!