เพื่อนๆ คงเคยเห็นข่าวอุบัติเหตุระเบิดหรือไฟไหม้จากการ ชาร์จแบต มือถือในรถกันมาบ้างใช่ไหมครับ แม้ว่าอันตรายจากเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่จำนวนคนที่ชาร์จมือถือในรถนั้นมีเป็นจำนวนมาก วันนี้เราจึงจะพาไปล้วงลึกถึงคำตอบกันก่อนว่า ชาร์จแบตในรถ แบตเสื่อม จริงหรือไม่ แล้วอะไรคือ เหตุผลที่แท้จริงที่เราไม่ควรชาร์จแบตมือถือในรถ หรือถ้าหากจำเป็นจะต้องชาร์จแบตจริงๆ ควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้างเพื่อให้เพื่อนๆ สามารถชาร์จแบตมือถือในรถได้อย่างปลอดภัยครับ
ซื้อรถมือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดพร้อมปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินภายใน 30 วัน
ชาร์จแบต ในรถ อย่างไรไม่ให้ แบตเสื่อม |
---|
ชาร์จแบต ในรถ แบตเสื่อม จริงหรือ
เรื่องแบตเสื่อมจาก ที่ชาร์จแบตรถยนต์ นั้น ต้องแยกกันก่อนระหว่างแบตเตอรี่รถยนต์ และแบตโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการ ชาร์จแบตมือถือในรถ ก็อาจเกิดผลเสียได้กับทั้ง 2 อย่าง
ผลเสียจากการ ชาร์จแบต สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์
ปกติแล้วระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี แต่การ ที่ชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงเหลือประมาณ 15-18 เดือน และเมื่อแบตเสื่อม ก็จะทำให้สตาร์ทรถติดยากขึ้นนั่นเอง โดยเฉพาะหากเรามีการใช้งานโทรศัพท์มือถือระหว่างที่กำลังชาร์จอยู่ โทรศัพท์มือถือก็จะดึงกระแสไฟฟ้าจากรถยนต์มาใช้เป็นจำนวนมาก ทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นครับ
ผลเสียจากการ ชาร์จแบต สำหรับโทรศัพท์มือถือ
ส่วนมากแล้วเราจะทำการชาร์จผ่าน USB ในรถ หรือไม่ก็ที่จุดบุหรี่ในรถ ซึ่ง USB ในรถนั้นถูกออกแบบมาให้จ่ายกระแสได้น้อย อยู่ที่ราวๆ 0.5A เพื่อเอาไว้เสียบ USB ไดร์ฟ หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อฟังและดาวน์โหลดเพลง มากกว่าจะไว้ใช้สำหรับชาร์จแบตโดยตรง จึงทำให้ชาร์จช้ากว่าการเสียบที่จุดบุหรี่มาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโทรศัพท์มือถือของเพื่อนๆ มีขนาดใหญ่ หรือเป็นแท็บเล็ตแล้วก็จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยครับ เพราะกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยผ่านที่จุดบุหรี่นั้นสามารถจ่ายไฟได้ถึง 1A หรือ 2.1A ซึ่งมีปริมาณมากพอจะไปเลี้ยงแบตเตอรี่มือถือได้ อย่างไรก็ตาม ระบบไฟฟ้าที่ถูกจ่ายผ่านแบตเตอรี่รถยนต์นั้นค่อนข้างจะผันผวนไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดการกระชากเมื่อระบบแอร์ทำงาน หรือหยุดชะงักได้
ทำไมการ ชาร์จแบต มือถือในรถจึงทำให้เกิดอันตรายได้?
ตามปกติแล้วระบบไฟฟ้าในรถยนต์จะต้องผ่านฟิวส์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจรขึ้นครับ หากเราชาร์จแบตจนเต็มแล้วยังไม่เอาออก หรืออุปกรณ์ชาร์จไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ฟิวส์ขาด หรือหนักกว่านั้นคือ ที่ชาร์จแบตมือถือ เกิดการหลอมละลายทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ลามไปจนถึงเกิดไฟไหม้รถได้เลยครับ
การชาร์จแบตโทรศัพท์ในรถยนต์ที่ถูกต้อง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนคงเห็นผลเสียของการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือในรถยนต์กันบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีบางกรณีที่เราหลีกเลี่ยงการชาร์จแบตโทรศัพท์บนรถไม่ได้ อย่างเช่น ลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือมาจากที่พัก หรือเพิ่งใช้งานโทรศัพท์มือถือเปิดแผนที่มาเป็นเวลานาน เป็นต้น ทั้งนี้เราก็มีวิธี ชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เมื่อต้องชาร์จแบตในรถยนต์เพื่อช่วยทะนุถนอมอายุการใช้งานทั้งในส่วนของแบตเตอรี่รถยนต์และแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ดังต่อไปนี้
1. ที่ชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ต้องมีคุณภาพ
อุปกรณ์สำหรับชาร์จควรเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เช่น ทำจากพลาสติกเกรด A ไม่มีรอยต่อ เป็นต้น
2. อย่าเสียบ USB Adapter คาไว้
ไม่ควรเสียบตัวพ่วง USB คาไว้ที่ช่องจุดบุหรี่ในรถ ควรถอดออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือมีการดับเครื่องยนต์
3. ไม่เปิดอุปกรณ์หลายอย่างพร้อมกัน
ไม่ควรเปิดอุปกรณ์ในรถพร้อมกันหลายอย่างขณะที่ชาร์จมือถือในรถเพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสที่แรงดันในรถไม่สม่ำเสมอมีสูง อาจเกิดไฟกระชากได้
4. ไม่ชาร์จแบตขณะสตาร์ทรถ
ไม่ควรชาร์จขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะกระแสไฟฟ้าจะไหลเข้ามือถือมากเกินไป เกิดการกระชากไฟได้ ทางที่ดีควรสตาร์ทรถ เปิดแอร์ รอให้รถเคลื่อนตัวสักเล็กน้อย แน่ใจว่ากระแสไฟคงที่แล้วจึงค่อยเสียบสายชาร์จครับ
5. พก Power Bank แทนการชาร์จบนรถ
ถ้าสามารถทำได้ ให้พก Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองติดตัวไว้ แล้วชาร์จจากแบตเตอรี่สำรองแทนการชาร์จในรถโดยตรงครับ
การชาร์จแบตโทรศัพท์ที่ถูกต้อง
นอกจาก การ ชาร์จแบตโทรศัพท์ในรถยนต์ อย่างถูกวิธีแล้ว การชาร์จแบตโทรศัพท์ อย่างถูกวิธีก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่มือถืออีกด้วย ซึ่งการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือย่างถูกต้องก็มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. อย่าใช้แบตหมดจนเครื่องดับ
ถึงแม้ทุกวันนี้ มือถือจะมีระบบที่จะปิดตัวเองก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด แต่การชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้ โดยยิ่งชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือน้อยเท่าไร อายุแบตเตอรี่ก็จะยิ่งสั้นขึ้นเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ ชาร์จโทรศัพท์มือถือตอนเหลือน้อยที่สุดที่ 40% – 50% หรือไม่ก็หมั่นชาร์จโทรศัพท์บ่อยๆ เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมไปได้ในระดับหนึ่ง
2. อย่าปล่อยให้เครื่องร้อน
การใช้งานมือถือจนร้อน การทิ้งแบตเตอรี่ให้โดนความร้อน หรือทิ้งการมือถือเอาไว้กลางแดดจะส่งผลเสียต่อตัวมือถือและแบตเตอรี่เลยโดยตรง เพราะการที่แบตเตอรี่ต้องเจอความร้อนมากๆ จะทำให้ความจุแบตเตอรี่ลดลงเร็วขึ้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้งานโทรศัพท์มือถืออย่างหนักแล้วล่ะก็ หลังจากใช้งานหรือกระทำการใดๆ จนเครื่องร้อนก็ควรปล่อยให้เครื่องเย็นลงก่อนถึงค่อยเอาไปชาร์จแบตเตอรี่ต่อ
3. เลี่ยงการใช้งานระหว่างชาร์จแบต
การใช้งานมือถือไป ชาร์จไฟไป เป็นสิ่งที่หลายคนชอบทำ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์อายุสั้นลงกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น ถ้าหากเป็นไปได้ระหว่างชาร์จโทรศัพท์ก็ควรวางเอาไว้เฉยๆ หรือทางที่ดีก็ควรปิดเครื่องไปเลย เพราะเวลาชาร์จไฟขณะเล่นไปด้วยนั้นจะทำให้มีการอัดไฟเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความร้อนอย่างมาก ซึ่งทั้งกระแสไฟปริมาณมากและความร้อนที่เกิดขึ้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้ และอาจจะร้ายแรงถึงขั้นระเบิดเลยก็ได้ ดังนั้น หากเราไม่ใช้งานมือถือหรือปิดเครื่องไปเลย ก็จะช่วยให้กระแสไฟที่วิ่งเข้าไปในเครื่องระหว่างที่ชาร์จไม่สูงเกินไป ทำให้เกิดความร้อนน้อยมากๆ และช่วยให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย
4. ใช้ที่ ชาร์จแบต มือถือที่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
ในปัจจุบันนี้ ที่ชาร์จแบตมือถือ หลายแบรนด์สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไปเรื่อยๆ ได้แม้ไฟเต็มทั้งมือถือและที่ชาร์จจะมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็มอยู่ ดังนั้น จึงไม่ต้องไปกลัวว่าถ้าเสียบชาร์จทิ้งไว้นานๆ แล้วแบตเตอรี่จะเสื่อม เว้นเสียแต่ว่า เจ้าของโทรศัพท์เลือกใช้แบตเตอรี่หรือที่ชาร์จที่ไม่ใช่ของแท้ หรือไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากของไม่แท้หรือไม่ได้มาตราฐานอาจจะไม่มีระบบตัดไฟติดมาด้วย ทำให้ไม่มีการตัดไฟอัตโนมัติก่อให้เกิดเหตุการณ์มือถือระเบิดใส่ระหว่างชาร์จ ดังที่เคยเห็นในข่าวต่างๆ นั่นเอง
5. อย่าอัดประจุเพิ่มด้วยที่ชาร์จไฟแรงๆ
หลายคนเชื่อว่า ในการชาร์จไฟ ถ้าเอาที่ชาร์จไฟกำลังสูงมาชาร์จมือถือจะช่วยให้การชาร์จเร็วขึ้นและใช้โทรศัพท์มือถือได้นานกว่าปกติ ซึ่งก็จริงที่การชาร์จไฟแรงๆ จะช่วยให้แบตเตอรี่เต็มเร็วขึ้นและใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นก็เพราะว่าไฟที่เข้าไปในแบตเตอรี่นั้นมันเกิน 100% ของที่แบตเตอรี่เก็บได้ ทำให้แบตเตอรี่อาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ทางที่ดีก็ควรเลือกใช้ที่ชาร์จที่มากับเครื่องจะดีที่สุด หรืออย่างน้อยก็ควรใช้ที่ชาร์จที่ปล่อยไฟได้เท่ากับที่ชาร์จของตัวเครื่องนั่นเอง
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคการ ชาร์จแบต มือถือในรถให้ปลอดภัยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วหากเป็นไปได้ พี่หมีแนะนำว่าเพื่อนๆควรจะพกแบตเตอรีสำรองติดกระเป๋าหรือติดตัวไว้และชาร์จผ่านแบตเตอรีสำรองแทน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรวางแบตเตอรีสำรองทิ้งไว้ในรถนะครับ เพราะโอกาสเกิดอันตรายจากการที่แบตเตอรีสำรองจะระเบิด เมื่อเราจอดรถตากแดดทิ้งไว้นานๆก็มีสูงเช่นกัน เนื่องจากสารลิเธียมในแบตเตอรี่เป็นโลหะที่ไวต่อปฏิกิริยาทางเคมี เมื่อรถเราร้อนมากๆ อาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริรยาลัดวงจรได้ครับ และทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับรถของเรา เพื่อนๆ ควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยนะครับ เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เรายังสามารถขอเคลมประกันรถยนต์ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถหรือรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไงล่ะครับ
บทความโดย: นันทรัช ชมภูแสง GoBear
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถมือสอง หรือ ขายรถคันเดิม แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณคุ้มค่าที่สุด! เรามีการดำเนินการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส รวดเร็ว ให้คุณซื้อหรือขายรถได้อย่างสบายใจ คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!
อ่านบทความต่อ: รถจอดนานสตาร์ทไม่ติด ควรทำอย่างไร? พร้อมวิธีดูแลรถ หรือ กฎหมาย ทางม้าลาย ประโยชน์ และความปลอดภัยในการข้ามถนน