ข้อมูลน่ารู้

ไส้กรองน้ำมันเครื่องคืออะไรและควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน?

ไส้กรองน้ำมันเครื่อง คือส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ที่มีความสำคัญและควรได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากไส้กรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่สำคัญที่จะทำให้รถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ วันนี้ Carsome ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จะพาเพื่อนๆ ทุกคนมารู้จักกับไส้กรองน้ำมันเครื่องและวิธีดูแลรักษาอย่างละเอียดสุดๆ กันเลย   สารบัญ ไส้กรองน้ำมันเครื่องคืออะไร? ส่วนประกอบและการทำงานของไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องเมื่อไหร่? วืธีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง ราคาไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่องคืออะไร? ไส้กรองน้ำมันเครื่อง (Engine Oil Filter) คืออุปกรณ์ที่ใช้กรองของเสียและสิ่งปรกของน้ำมันเครื่อง ทั้งยังมีหน้าที่เก็บน้ำมันเครื่องให้อยู่ในที่และเวลาที่ถูกต้องอีกด้วย  หากน้ำมันเครื่องเปรียบเหมือนเส้นเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงรถยนต์ ไส้กรองน้ำมันเครื่องก็คือไตที่ช่วยกรองของเสียนั่นเอง! ดังนั้นหากไม่มีไส้กรองน้ำมันเครื่องหรือส่วนประกอบส่วนนี้ได้รับความเสียหายขึ้นมา รถยนต์ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน หน้าที่หลักของไส้กรองน้ำมันเครื่องคือการกรองและกำจัดของเสีย โดยมันจะดักจับสิ่งสกปรกที่มาจากน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น เศษผง หรือเศษโลหะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและเพื่อยืดอายุการใช้งานรวมถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นด้วย ส่วนประกอบและการทำงานของไส้กรองน้ำมันเครื่อง แผ่นฝาเปิดปิด: น้ำมันเครื่องไหลเข้าและไหลออกไส้กรองน้ำมันเครื่องผ่านทางแผ่นฝา ซึ่งมีลักษณะเป็นรูตรงกลางล้อมรอบด้วยรูเล็กๆ ผ่านฟิลเตอร์ จากนั้นจึงไหลไปที่เครื่องยนต์ผ่านรูใหญ่ตรงกลาง ตัวกรอง: ตัวกรองทำมากจากตาข่ายใยสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เป็นตะแกรงดักจับสิ่งแปลกปลอมและสิ่งสกปรกในน้ำมันเครื่อง วาล์วกันการไหลกลับ: เมื่อรถไม่ได้ทำงาน วาล์วจะทำหน้าที่ในการปิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลกลับจากเครื่องยนต์ วาล์วระบาย: หากอากาศเย็น น้ำมันเครื่อจะข้นขึ้นทำให้เคลื่อนที่ผ่านตัวกรองได้ยาก ดังนั้นวาล์วระบายจึงจะมีบทบาทในการปล่อยน้ำมันเครื่องที่ข้นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลังแรงขึ้นจนกว่าเครื่องจะอุ่น แผ่นฝาปิดท้าย: แผ่นฝาปิดท้ายสองแผ่นที่ด้านใดด้านหนึ่งของไส้กรองน้ำมันทำจากโลหะหรือไฟเบอร์โลหะหรือไฟเบอร์เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันที่ยังไม่ได้กรองไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ของรถ ควรเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องเมื่อไหร่? ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 2 หมื่นกิโลเมตร หรือเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องครั้งนึงเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง …

ไส้กรองน้ำมันเครื่องคืออะไรและควรเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน? Read More »

รู้มั้ย เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลต่างกันอย่างไร?

น้ำมันเบนซิน (Petrol) หรือ ดีเซล (Diesel) คือสิ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งที่ปั๊มน้ำมันเมื่อคุณจะเติมน้ำมัน ซึ่งคุณอาจจะต้องตรวจสอบฉลากบนที่จับปั๊มอีกสักครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังเติมน้ำมันที่ถูกต้อง สำหรับเจ้าของรถยนต์ดีเซล ฝาปิดถังน้ำมันหรือประตูอาจมีป้ายกำกับไว้ชัดเจน แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เครื่องยนต์เหล่านี้แตกต่างกัน? ทำไมเครื่องยนต์แต่ละชนิดถึงได้ต้องการน้ำมันคนละประเภท? อ่านต่อเพื่อหาคำตอบได้เลย: การทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน vs เครื่องยนต์ดีเซล เมื่อเริ่มต้นพูดถึงน้ำมันสองประเภทนี้ ในแง่ของรูปแบบ น้ำมันเบนซินนั้นเบากว่าและมีความสม่ำเสมอในการระเหยที่มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซลซึ่งมีความหนาแน่นกว่า แต่แม้ว่าน้ำมันทั้งสองจะมีความแตกต่างกัน แต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engines) ที่ให้พลังงานแก่รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ในการเป็นแหล่งพลังงานที่แปลงพลังงานเคมี (เช่น น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล) เป็นพลังงานกล ซึ่งความคล้ายคลึงกันนั้นรวมถึง ส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศที่อัดอยู่ภายในกระบอกสูบของเครื่องยนต์ก่อนที่จะถูกเผาไหม้เพื่อเปิดเพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft) เพลาข้อเหวี่ยงจะเชื่อมต่อกับระบบส่งกำลังของรถยนต์ซึ่งทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้อ ความแตกต่างระหว่างสองเครื่องยนต์นี้อยู่ในขั้นตอนการจุดระเบิด (Ignition Stage) สำหรับเครื่องยนต์เบนซินส่วนผสมของน้ำมันและอากาศที่ถูกบีบอัดนั้นถูกจุดชนวนโดยหัวเทียนสำหรับการเผาไหม้ อย่างไรก็ตาม ในเครื่องยนต์ดีเซลการเผาไหม้เป็นผลมาจากความร้อนของอากาศที่ถูกบีบอัดซึ่งจะจุดชนวนส่วนผสมของน้ำมันดีเซล ด้วยเหตุนี้หัวเทียน (Spark Plugs) จึงไม่มีอยู่ในเครื่องยนต์ดีเซล และต้องการเพียงหัวเผาเครื่องยนต์ (Glow Plugs) เพื่อให้ความร้อนในห้องเผาไหม้ ในเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นเก่า การทำ​ความ​ร้อนล่วงหน้าจะเสร็จสิ้นเมื่อกุญแจถูกเปิดใช้งาน ในขณะที่รถยนต์สมัยใหม่จะเริ่มการทำความร้อนโดยอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกรถ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลใช้สี่จังหวะด้วยกัน คือ ดูด (Intake), อัด (Compression), …

รู้มั้ย เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลต่างกันอย่างไร? Read More »

เตือน! ซื้อรถครั้งแรกถ้าไม่อยากพลาดห้ามทำสิ่งเหล่านี้

การซื้อรถครั้งแรกไม่ว่าจะเป็นรถมือใหม่หรือว่ามือสองเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากการซื้อรถคือภาระผูกพันระยะยาวและเป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบเพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่อาจสูงจนเกินไปด้วย โดยทั่วไป สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการซื้อรถมือสองได้แก่ แผนการชำระเงิน การวางเงินดาวน์และเงินผ่อน อัตราดอกเบี้ยประกันรถ ค่าต่อพรบรถยนต์ ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และอะไรจิปาถะอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ผู้ซื้อควรต้องคำนึงถึงนี่เองอาจทำให้ผู้ที่เพิ่งซื้อรถเป็นครั้งแรกทำพลาดหรือตกหล่นอะไรไปบ้าง วันนี้ Carsome ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จึงได้รวบรวมลิสต์ข้อผิดพลาดที่คนซื้อรถครั้งแรกมักทำพลาดมาให้ เพื่อนๆ จะได้ซื้อรถได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดอะไรไปเลยแม้แต่นิดเดียว!   9 สิ่งที่ผู้ซื้อรถครั้งแรกมักทำพลาด   ข้อผิดพลาดข้อที่ 1: คิดว่าซื้อรถมือหนึ่งดีกว่ารถมือสอง ผู้ซื้อรถครั้งแรกมักจะเลือกซื้อรถใหม่ เพราะคิดว่ารถมือสองมีคุณภาพต่ำและอาจเกิดความเสียหายได้ในภายหลัง แต่ในความเป็นจริงแล้วรถมือสองนั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการประหยัดเงิน เนื่องจากรถมือสองมีราคาที่ถูกกว่าและคุ้มค่ากว่ามาก เหมาะสมกับงบของวัยเริ่มทำงานเลยทีเดียว ข้อเปรียบเทียบรถมือใหม่และรถมือสอง: รถใหม่ รถมือสอง ค่าเสื่อมราคา อัตราค่าเสื่อมราคาสูง (5 ปีแรก) มีอัตราค่าเสื่อมราคาต่ำกว่า ราคา ราคาสูงกว่ามาก ราคาต่ำกว่า ประหยัดกว่า ประกันรถ อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า   นอกจากข้อดีข้างต้น รถมือสองยังมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า และยังมีรถมือสองที่มีคุณภาพดีเทียบเท่ารถใหม่เลยด้วย ดังนั้นรถมือหนึ่งจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีกว่ารถมือสองเสมอไป ถ้าคุณไม่อยากพลาดตัวเลือกที่คุ้มค่าก็อย่าลืมพิจารณารถมือสองเป็นตัวเลือกของคุณด้วย   ข้อผิดพลาดข้อที่ 2: ไม่ค้นหาข้อมูลให้ดี …

เตือน! ซื้อรถครั้งแรกถ้าไม่อยากพลาดห้ามทำสิ่งเหล่านี้ Read More »

การติด car seat ในรถ

วิธีเลือก Car Seat ให้ปลอดภัย พร้อมคำแนะนำการติดตั้ง Car Seat อย่างถูกวิธี

การติดตั้ง Car Seat หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กคือสิ่งที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย หลายๆ คนอาจมีความเข้าใจว่าการกอดหรือการอุ้มเด็กไว้กับตัวคือท่าที่ปลอดภัยที่สุด แต่ Carsome ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ต้องขอบอกไว้เลยว่านั่นคือความเชื่อที่ผิด! มีการทดลองและงานวิจัยแล้วว่าเด็กจะปลอดภัยที่สุดหากนั่งในคาร์ซีท การอุ้มเด็กไว้เฉยๆ ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กกระเด็นออกไปจากตัวรถได้ ดังนั้นผู้ที่ขับรถและมีเด็กเล็กควรจะติดตั้งคาร์ซีทไว้จะดีที่สุด แต่สำหรับใครที่ยังเป็นมือใหม่ วันนี้ Carsome จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทอย่างละเอียด พร้อมบอกวิธีการติดตั้งคาร์ซีทและแนะนำว่าควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้เหมาะกับรถและเด็กแต่ละคนกันเลย! ซื้อรถยนต์มือสองกับ  Carsome.co.th การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกัน 1 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 5 วัน นึกถึงรถยนต์มือสองต้อง Carsome.co.th วิธีเลือกและติดตั้ง ทำความรู้จักคาร์ซีท ประเภทของคาร์ซีท Rearward Facing Seats Forward Facing Seats Booster Seats วิธีติดตั้งคาร์ซีท การติดคาร์ซีทประเภท Rearward Facing Seats การติดคาร์ซีทประเภท Forward Facing Seats ติดคาร์ซีทฝั่งไหนจะปลอดภัยที่สุด? …

วิธีเลือก Car Seat ให้ปลอดภัย พร้อมคำแนะนำการติดตั้ง Car Seat อย่างถูกวิธี Read More »

ซื้อรถที่ Carsome มีช่องทางชำระเงินทางไหนบ้าง?

การซื้อรถยนต์ในยุคปัจจุบันควรมีขั้นตอนที่เรียบง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย! บอกลาการซื้อรถยนต์แบบเก่าไปได้เลย เพราะที่ Carsome คุณสามารถซื้อรถได้อย่างสะดวกรวดเร็วทันใจ เริ่มจองและซื้อรถยนต์ได้ทางออนไลน์ สามารถเรียกดูรูปรถทั้งภายในและภายนอกด้วยมุมมอง 360 องศา แถม Carsome ยังช่วยจัดการเอกสารทั้งหมดให้กับคุณเอง! นอกจากนี้ Carsome ยังมีช่องทางการชำระเงินซื้อรถที่หลากหลายและยืดหยุ่น เหมาะกับการซื้อรถได้รวดเร็วทันใจในยุคปัจจุบัน ซื้อรถที่ Carsome ดียังไง? Carsome เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายรถมือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการซื้อขายรถยนต์มือสองที่ดีและมีคุณภาพที่สุดสำหรับคุณ ด้วยเครือข่ายดีลเลอร์รถมือสองกว่า 8,000 ราย รับประกันเรื่องประสบการณ์ในการขายรถยนต์มือสองออนไลน์โดยไม่ต้องติดต่อกับผู้ซื้อเองให้เสียเวลา และ Carsome ยังจัดการเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์รถ ซึ่งทำให้ประสบการณ์ในการขายรถปลอดภัยขึ้น ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซื้อรถมือสองที่ Carsome มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? Carsome ไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ แอบแฝง ราคารถยนต์ที่คุณเห็นบนเว็บไซต์คือราคาที่รวมทุกอย่างแล้ว ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนั้นหากคุณสนใจรถยนต์คันไหนแล้วก็สามารถจองซื้อได้อย่างสบายใจ! และหากคุณตัดสินใจจองรถคันที่ถูกใจแล้วก็ต้องวางมัดจำเพียง 5,000 บาท เท่านั้น (สามารถคืนเงินได้) แค่นี้คุณก็จะได้รถยนต์สวยๆ ขับกลับบ้านในราคาที่ถูกใจอย่างแน่นอน ซื้อรถมือสองที่ Carsome จ่ายเงินช่องทางไหนได้บ้าง? …

ซื้อรถที่ Carsome มีช่องทางชำระเงินทางไหนบ้าง? Read More »

ปัญหาแอร์รถไม่เย็น เกิดจากอะไร? แก้ยังไงดี?

ปัญหาแอร์รถไม่เย็นหรือแอร์รถเสียอาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกหนักอกหนักใจได้ ยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อนที่มีแดดแผดเผาแบบรุนแรงสุดๆ หากแอร์รถเกิดไม่เย็นขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกแน่ แต่ทุกปัญหามีทางแก้! แอร์รถไม่เย็นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หากรู้และแก้ถูกจุดก็ไม่ต้องเสียเงินไปเข้าอู่ให้ยุ่งยาก ทำไมแอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม? หากแอร์รถไม่เย็นและเป่าแต่ลมร้อนออกมา สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดอาจจะเกิดจากคอมเพรสเซอร์แอร์มีปัญหาหรือเกิดจากการรั่วของแอร์ อาการที่อาจจะพบเจอได้คือแอร์เปิดไม่ได้เลย แอร์เป่าแต่ลมร้อนออกมาแม้จะปรับอุณหภูมิให้ต่ำสุดแล้ว มีเสียงดังผิดปกติมาจากตัวแอร์ หรืออาจจะเป่าลมเย็นออกมามากจนเกินไปก็ได้เช่นกัน ส่วนสาเหตุของอาการเหล่านี้ก็อาจจะเป็นเพราะมีบางส่วนของระบบทำความเย็นในรถที่เสียหาย อาจจะมีความเสียหายมากหรือน้อยที่ต้องการการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน   5 สาเหตุที่อาจเป็นตัวต้นเหตุทำให้แอร์รถไม่เย็น   ระบบระบายความร้อนมีกำลังแรงน้อยหรือไม่ทำงาน นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด อาจเกิดจากการมีคราบสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันที่พัดลมระบายความร้อนทำให้พัดลมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความร้อนในห้องโดยสารได้ วิธีแก้ไขเบื้องต้นคือการหมั่นทำความสะอาดแผงคอยล์ และหากพบว่ามีการชำรุดเสียหายก็ให้รีบเปลี่ยนใหม่ทันที   น้ำยาแอร์รั่ว อีกหนึ่งสาเหตุยอดนิยมที่อาจทำให้แอร์ไม่เป่าลมเย็นออกมาก็คือท่อน้ำยาแอร์มีการรั่วไหล ทำให้ความดันลดลงและคอมเพรสเซอร์ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเกิดลมร้อนขึ้น การรั่วไหลของน้ำยาแอร์อาจเกิดขึ้นที่จุดใดก็ได้ของท่อแอร์ วิธีแก้ไขคือการตรวจสอบรอยน้ำมันที่รั่วไหลและปิดรอยรั่วนั้นซะ แต่หากมีการรั่วไหลมากอาจจะต้องเปลี่ยนน้ำยาแอร์ทั้งหมด หรือหากไม่มีการรั่วไหลก็อาจเป็นเพราะน้ำยาแอร์ใกล้หมดได้ สามารถสังเกตตาแมวของรถยนต์ ด้วยการสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดระบบเครื่องปรับอากาศ อย่าลืมกดปุ่ม A/C ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ได้ทำงานด้วย หลังจากนั้นให้ส่องดูว่าตาแมวมีลักษณะเป็นเช่นไร ถ้ามีฟองเล็ก ๆ สีขาวจำนวนมากและตลอดเวลาละก็ แสดงว่า น้ำยาแอร์ลดลง ควรต้องรีบเติม แต่ถ้าหากมีฟองขนาดใหญ่สลับกับไม่มีฟอง แสดงว่าน้ำยาแอร์ของคุณยังมีอยู่ ถ้าจะลดก็ลดลงไปนิดเดียว ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ   คอมเพรสเซอร์แอร์มีความเสียหาย แอร์ในรถอาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหากคอมเพรสเซอร์แอร์มีความเสียหาย อาจต้องมีการซ่อมแซมคอมเพรสเซอร์หากไม่ได้ใช้งานนาน …

ปัญหาแอร์รถไม่เย็น เกิดจากอะไร? แก้ยังไงดี? Read More »