การติดฟิล์มรถยนต์ มีความสำคัญในการช่วยลดความร้อนและกรองแสงแดดรวมถึงรังสียูวีที่จะเข้ามาในรถ ไม่ใช่แค่ให้ความเป็นส่วนตัวกับคนในรถอย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งอากาศบ้านเราร้อนระอุและตามแผดเผาทั้งตอนขับรถและตอนจอดรถกลางแจ้ง …เข้ารถทีไรก็รู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบทุกที! การเลือกฟิล์มกรองแสงที่ใช่และเหมาะสมกับรถยนต์ของเราจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะเลือกฟิล์มติดรถยนต์ให้กับรถสักคัน เราควรศึกษาเกี่ยวกับประเภทและประสิทธิภาพของฟิล์มติดรถยนต์ให้ดีกันเสียก่อน วันนี้ Carsome เลยเอาความรู้และวิธีการเลือกฟิล์มติดรถยนต์มาฝากเพื่อน ๆ กัน!
สารบัญ: ฟิล์มติดรถยนต์
- ประโยชน์ของฟิล์มติดรถยนต์
- ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่แบบ?
- ความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ระดับ?
- ทริคในการเลือกฟิล์มติดรถยนต์
- เลือกฟิล์มติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดี? – เปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติ
- วิธีดูแลรักษาฟิล์มติดรถยนต์
ประโยชน์ของฟิล์มติดรถยนต์
หลายๆ คนคงอยากรู้ว่าการติดฟิล์มรถยนต์มีข้อดียังไงบ้าง ต้องบอกก่อนเลยว่าข้อดีของการติดฟิล์มรถยนต์นั้นมีมากมาย ทั้งประโยชน์ต่อคนและตัวรถเอง ถ้าแลกกับการเสียเงินไปติดฟิล์มดีๆ แล้วก็ถือว่าคุ้ม ไปดูกันเลยว่าประโยชน์ของฟิล์มติดรถยนต์มีอะไรบ้าง
-
ฟิล์มติดรถยนต์ช่วยลดความร้อนและป้องกันรังสี UV
นี่คือประโยชน์และคุณสมบัติหลักๆ ที่ใครหลายคนต้องการ หากไม่มีฟิล์มกรองแสงเลย การนั่งในรถนานๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยืนกลางแจ้ง นอกจากจะร้อนแล้ว ผิวหนังของเราอาจจะถูกทำร้ายจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตได้อีกด้วย ดังนั้นการติดฟิล์มรถยนต์ก็จะทำให้การเดินทางของเราเย็นสบายมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากรังสีต่างๆ อีกด้วย
สิ่งสำคัญคือต้องเลือกฟิล์มที่ให้การปกป้องอย่างมีประสิทธิภาพ การติดตั้งฟิล์มกรองแสงต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยคือสามารถป้องกันรังสียูวีและป้องกันความร้อน ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มีมาตรฐานส่วนใหญ่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99%
-
ฟิล์มติดรถยนต์ช่วยรักษาและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในรถ
แสงแดดและความร้อนอาจจะทำให้สิ่งของในรถเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น การติดฟิล์มกรองแสงจะช่วยบรรเทาความร้อนและรักษาอุณหภูมิให้กับรถยนต์ของคุณ
-
ฟิล์มติดรถยนต์ช่วยป้องกันไม่ให้กระจกรถแตกหากเกิดอุบัติเหตุ
ด้วยคุณสมบัติที่เหนียวของฟิล์มจะช่วยยึดให้กระจกไม่หลุดหรือร่วงหล่น ดังนั้นการติดฟิล์มรถยนต์ไว้ก็ช่วยให้เราอุ่นใจในการเดินทางมากกว่าเดิมอีกด้วย
-
ฟิล์มติดรถยนต์ให้ความส่วนตัวและช่วยปรับวิสัยทัศน์การขับขี่
แน่นอนว่าความทึบของฟิล์มจะทำให้ผู้ที่อยู่ในรถมีความส่วนตัว นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้อีกด้วยว่าต้องการทึบมากน้อยแค่ไหน และประโยชน์ที่พิเศษมากๆ อีกอย่างก็คือการช่วยตัดแสงไฟหรือกรองไฟรถที่สวนมาทำให้ผู้ขับรถไม่แสบตามากเกินไป
-
ฟิล์มติดรถยนต์ช่วยรักษาความเย็นและลดการใช้เชื้อเพลิง
การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันความร้อนได้ทั้งหมด เนื่องจากส่วนอื่นๆ ของรถก็สามารถดูดซับความร้อนได้ด้วยเช่นกัน แต่ฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีก็จะช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ขึ้นอยู่กับค่าสะท้อนพลังงานรวม หรือ Total Solar Energy Rejected (TSER) เป็นค่าเทียบเท่ากับความร้อนที่ฟิล์มสะท้อนออก ยิ่งตัวเลขมีค่าสูงขึ้น ความร้อนก็จะถูกสะท้อนออกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้รถของคุณเย็นลงในอัตราที่เร็วขึ้นด้วย ดังนั้นจึงช่วยลดความจำเป็นในการเร่งเครื่องปรับอากาศของคุณและอาจลดการใช้เชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์บางรุ่นอีกด้วย
ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่แบบ?
ฟิล์มติดรถยนต์มีหลายประเภท ควรเลือกตามคุณสมบัติที่ต้องการ สิ่งหลักที่ต้องคำนึงคือการกันความร้อนและความทึบของฟิล์มที่จะต้องไม่บดบังวิสัยทัศน์ในการขับรถมากเกินไป ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีความนิยมมากในไทยก็คือ
-
ฟิล์มรถยนต์แบบย้อมสี
ฟิล์มชนิดนี้เป็นฟิล์มที่มีคุณภาพต่ำที่สุดแต่ก็มีราคาถูกที่สุดเช่นเดียวกัน ฟิล์มรถยนต์แบบย้อมสีจะสามารถกรองแสงแดดได้เล็กน้อย แต่จะไม่มีประสิทธิภาพในการกรองรังสี UV ทำให้อุณภูมิในรถอาจยังสูงอยู่ และยังไม่มีประสิทธิภาพในการลดแสงสะท้อนจากภายนอกได้ดีเท่าที่ควร มีอายุการใช้งานสั้นเพียง 1-3 ปีเท่านั้น และเมื่อเสื่อมสภาพอาจกลายเป็นสีม่วงได้
-
ฟิล์มรถยนต์แบบฉาบไอโลหะ
ฟิล์มอาบไอโลหะ หรือ ฟิล์มเมทัลไลท์ (Metallised Films) หรือบ้านเราเรียกว่าฟิล์มปรอท เป็นฟิล์มติดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงเนื่องจากราคาไม่แพงและคุณภาพที่ดี เด่นเรื่องการสะท้อนรังสีความร้อนและประสิทธิภาพในการลดอุณหภูมิ แต่ฟิล์มที่ทำด้วยโลหะมักมีปัญหาบางประการ เนื่องจากสารประกอบโลหะในฟิล์มฟิล์มเคลือบโลหะอาจรบกวนสัญญาณ GPS, สัญญาณโทรศัพท์มือถือ, แท็ก RFID และแม้แต่สัญญาณประตูอัตโนมัติของคุณ ปัญหาอื่น ๆ ของฟิล์มอาบไอโลหะคือการกัดกร่อน การกัดกร่อนเกิดขึ้นเมื่อโลหะสัมผัสกับน้ำและอากาศทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี มีผลต่อลักษณะของฟิล์มและแม้กระทั่งประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน เมื่อเวลาผ่านไป โทนสีจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือสีน้ำตาล ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นในที่สุด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการเลือกซื้อ
-
ฟิล์มรถยนต์แบบนาโน
เป็นฟิล์มที่ใช้อนุภาคนาโนฝังในฟิล์มแทนการฉาบด้วยโลหะ ช่วยป้องกันรังสีความร้อนได้มากที่สุด มีความทนทานดีกว่าฟิล์มรถยนต์ทั่วไป เนื้อฟิล์มมีความเข้มเมื่อมองจากภายนอก แต่เมื่อมองจากภายในจะมีความใสทำให้วิสัยทัศน์ในการขับรถดีทั้งกลางวันและกลางคืน มีราคาแพงและอายุการใช้งานยาวนานถึง 10 ปี ฟิล์มรถยนต์แบบนาโนที่ได้รับความนิยม ได้แก่
-
-
-
ฟิล์มนาโนคาร์บอน
-
-
ฟิล์มนาโนชนิดนี้โด่งดังในเรื่องตัวฟิล์มที่ทึบดำเมื่อมองจากภายนอก ให้ความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ เพราะใช้โมเลกุลของคาร์บอนที่เป็นสีดำในการผลิต ทำให้ตัวฟิล์มไม่เปลี่ยนสีหรือซีดจางลง และข้อดีอีกอย่างก็คือตัวฟิล์มจะไม่ไปรบกวนพวกสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายเหมือนกับฟิล์มแบบโลหะ สามารถป้องกันความร้อนและรังสียูวีได้ดี ทำให้การติดตั้งฟิล์มนาโนคาร์บอนค่อนข้างแพง
-
-
-
ฟิล์มนาโนเซรามิค
-
-
ฟิล์มนาโนเซรามิคจะแตกต่างกับนาโนคาร์บอนตรงเรื่องความใสของกระจก ตัวฟิล์มจะโปร่งใสมากทำให้รถดูสะอาดตา เนื่องจากตัวเซรามิคมีความใสแต่ก็ยังสามารถกรองความร้อนและรังสีต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันความร้อนได้ในระดับเทียบเท่ากับฟิล์มนาโนคาร์บอน
ความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์มีกี่ระดับ?
หลายคนอาจจะได้ยินระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงมากันบ้างว่า 40-60-80 แต่ว่าตัวเลขเหล่านี้มีความหมายว่าอะไรบ้างไปดูกันเลย
ตัวเลข 40-60-80 คือเปอร์เซ็นต์ระดับความทึบของฟิล์ม ยิ่งมีความเข้มมากก็จะทำให้แสงส่องผ่านเข้ามาในตัวรถได้น้อย
- ฟิล์ม 40% หรือบางคนอาจเรียกว่าฟิล์มใส คือฟิล์มที่แสงเข้าไปได้ 35%
- ฟิล์ม 60% คือฟิล์มที่แสงเข้าไปได้ 20%
- ฟิล์ม 80% คือฟิล์มที่แสงเข้าไปได้แค่ 5%
ทริคในการเลือกฟิล์มติดรถยนต์
ทำความรู้จักกับประเภทต่างๆ ของฟิล์มแล้ว สเต็ปต่อไปก็คือการเลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่เหมาะสมกับเรา Carsome เอาทริคในการเลือกมาฝากดังนี้
-
เลือกฟิล์มติดรถยนต์คุณภาพสูง
คุณอาจเคยเห็นฟิล์มที่มีการเปลี่ยนสี, มีฟองอากาศ, บิดเบี้ยว หรือหลุดลอก สิ่งเหล่านี้มักเกิดจากการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพต่ำ ฟิล์มคุณภาพต่ำมักไม่สามารถปกป้องคุณและภายในรถของคุณจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายหรือแม้แต่ความร้อน อาจติดเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น ฟิล์มคุณภาพต่ำสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์เกือบทุกแห่ง แต่มักไม่มีคุณภาพ, มีอายุการใช้งานต่ำ, และมีการป้องกันและความปลอดภัยต่ำ
ส่วนราคาปกติสำหรับการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพจะอยู่ในช่วงตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ดังนั้นควรเลือกแบรนด์ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน
-
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันพื้นฐาน
ในการติดตั้งฟิล์มกรองแสง คุณภาพขั้นพื้นฐานจะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยที่สุดในการป้องกันรังสียูวีและป้องกันความร้อน ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มีมาตรฐานส่วนใหญ่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99%
-
เลือกยี่ห้อฟิล์มติดรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ
คุณควรใช้เวลาในการศึกษาคุณสมบัติของฟิล์มติดรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ เช่น ฟิล์มติดรถยนต์ 3M ที่ได้รับการแนะนำจากมูลนิธิมะเร็งผิวหนังของสหรัฐอเมริกาเนื่องจากมีค่าการป้องกันแสงแดด (SPF) สูงกว่าครีมกันแดดชั้นดีถึง 1,000 – 30 เท่า ระดับ SPF ที่มีค่าสูงของฟิล์มจะช่วยป้องกันอันตรายจากรังสี UV ของดวงอาทิตย์ ซึ่งรวมถึงผิวไหม้จากแสงแดด,ริ้วรอยก่อนวัย และ มะเร็งผิวหนัง ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยังช่วยปกป้องอุปกรณ์ภายในรถของคุณจากการเปลี่ยนสีและการเสื่อมสภาพด้วยการป้องกันการแผ่รังสีของแสงยูวี
-
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่มีการรับประกัน
นอกจากการดูรายละเอียดคุณลักษณะฟิล์มกรองแสงรถยนต์แล้ว คุณควรตรวจสอบด้วยว่ามีการรับประกันด้วยหรือไม่ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับการรับประกันจากผู้ผลิตหากเกิดกรณีที่ฟิล์มมีตำหนิหรือเริ่มลอกภายในระยะเวลารับประกันคุณควรจะสามารถเคลมได้
ด้วยเหตุนี้การซื้อฟิล์มกรองแสงรถยนต์จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงขอแนะนำให้เลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ซึ่งมีประวัติที่ดีในคุณภาพการทำงานและการบริการหลังการขาย
-
ฟิล์มติดรถยนต์ที่ทึบกว่าไม่ได้แปลว่าป้องกันความร้อนได้ดีกว่า
ก่อนอื่นควรตรวจสอบก่อนว่าสามารถติดฟิล์มได้ทึบมากที่สุดเท่าไหร่ตามที่กฎหมายกำหนด อย่างในไทย กฎหมายระบุว่าห้ามติดฟิล์มปรอทที่ฉาบด้วยโลหะที่มีการสะท้อนของแสงที่มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผู้ใช้รถใช้ท้องถนนแสบตาจนเกิดอุบัติเหตุได้
และนอกจากนี้ ฟิล์มสีเข้มหรือทึบไม่จำเป็นต้องสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มใสเสมอไป การสะท้อนความร้อนคำนวณจาก TSER ดังนั้นเมื่อต้องการเลือกฟิล์มเพื่อทำให้รถของคุณเย็นลง การติดตั้งฟิล์มที่ทึบมากกว่าไม่ได้หมายความว่าจะช่วยลดความร้อนได้ดียิ่งขึ้น
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดี?
ฟิล์มติดรถยนต์มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ในท้องตลาด มีทั้งยี่ห้อดังและไม่มียี่ห้อทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกสับสนว่าควรใช้ฟิล์มติดรถยี่ห้อไหนดี วันนี้ Carsome จึงขอคัดแต่ยี่ห้อดังคุณภาพดีมาให้เพื่อนๆ ได้เลือกใช้กัน
-
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3M
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยี่ห้อนี้เป็นฟิล์มรถยนต์เจ้าแรกของโลก เป็นแบรนด์ดังที่โดดเด่นเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือ มีฟิล์มกรองแสงรถหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความต้องการ
รุ่นฟิล์ม 3M | คุณสมบัติ | จุดเด่น | ราคาติดฟิล์มรอบคัน |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นคริสตัลไลน์ (Crystalline Series) |
ตัวฟิล์มใส ทัศนวิสัยในการขับขี่ดี แต่ยังกันร้อนได้ดี โดยชั้นฟิล์มจะช่วยสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลต และ รังสีอินฟราเรด แต่ในขณะเดียวกันยังคงให้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาได้ | ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ “มัลติเลเยอร์ ออฟติคอล ฟิล์ม” ทำให้ฟิล์มมีความบางมาก ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตได้ถึง 99.9% | ประมาณ 20,000 – 30,000 บาท |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นไพรเวซี่ พลัส (Privacy+ Series) |
ฟิล์มดำทึบ ดูเรียบหรูสวยหรู ตอบสนองความต้องการสร้างพื้นที่ส่วนตัวภายในรถยนต์ ช่วยลดเงาสะท้อนทั้งภายนอกภายใน มอบทัศนวิสัยที่ชัดเจนในการขับขี่ทั้งกลางวันกลางคืน มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีและลดความร้อนจากแสงสว่างที่ส่องเข้ามาได้เป็นอย่างดี | พัฒนาด้วยนาโนเทคโนโลยีจาก 3เอ็ม อัพเกรดความเข้มที่เหนือกว่า ด้วยนาโนแบล็คคาร์บอน ที่ใช้เทคนิคการลงโมเลกุลเม็ดสีดำพิเศษ ไม่มีส่วนผสมของไอโลหะ จึงไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ | ประมาณ 20,000 – 25,000 บาท |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นสมาร์ท (Smart Series) |
เป็นตัวเลือกฟิล์มยอดนิยม มี 2 รุ่นคือ FX และ FXR series
|
มีสมบัติพิเศษของกาวเคลือบบนฟิล์ม ไม่ทำให้ทัศนวิสัยที่มองผ่านกระจกเกิดการบิดเบือน และยังช่วยยืดอายุฟิล์ม | ประมาณ 16,000 – 24,500 บาท |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นสก๊อตซ์ทินต์ (Scotchtint™ Series) |
ฟิล์มกรองแสงกลุ่มพิเศษ มี 2 รุ่น
|
|
ประมาณ 8,000 – 23,000 บาท |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นสก๊อตช์ชิลด์ (Scotchshield™) |
ฟิล์มกรองแสงนิรภัยติดรถยนต์ เพิ่มความปลอดภัยด้วยการโอบอุ้มกระจกไว้เมื่อแตก ลดความร้อนรวมได้สูงถึง 41% ระดับความเข้มสูงสุดที่สามารถป้องกันการมองเห็นจากภายนอกได้ถึง 95%
ไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ |
ป้องกันรังสียูวีสูงถึง 99% เทียบเท่า SPF สูงถึง 1000
และมีความทนทาน โดยไม่มีฟองอากาศ บวมพอง หลุดล่อน ภายใน 7 ปี |
– |
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ 3เอ็ม รุ่นเซรามิค อัลตร้า เคลียร์ (Ceramic Ultra Clear Series) |
เซรามิคโมเลกุลระดับนาโน ทำให้เนื้อฟิล์มใสไม่ขุ่น ไม่เงา ไม่ทึบ ฟิล์มไม่ผสมไอโลหะ ไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ฟิล์มมีความเข้มหลายระดับด้วยโทนสีเทาฟ้า ช่วยลดแสงจ้าที่แสงแดดสะท้อนเข้ามา | อนุภาคนาโน – เซรามิคขนานแท้ : เคลียร์คัท-ชัดเจน เข้มแค่ไหนก็เคลียร์ | ประมาณ 16,000 – 20,000 บาท |
-
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ Hi-Kool
นี่ก็เป็นฟิล์มกรองแสงรถชื่อดังอีกยี่ห้อที่พลาดไม่ได้ ได้รับความนิยมอย่างมากในไทยเพราะได้รับการวิจัยมาว่าฟิล์มกรองแสงของ Hi-Kool เหมาะกับอากาศบ้านเราโดยเฉพาะ และยังมีราคาที่ค่อนข้างน่าจับต้องอีกด้วย
รุ่นฟิล์ม Hi-Kool | คุณสมบัติ | จุดเด่น | ราคาติดฟิล์มรอบคัน |
Ceramic Black Night |
ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่กีดกั้นสัญญาณดิจิตอลต่าง ๆป้องกันรังสี UV สูงถึง 99% ลดแสงจ้าตอนกลางวัน รับประกันคุณภาพนาน 7 ปี | ฟิล์มเซรามิคดำ ผสมกับไทเทเนียม (Titanium) ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพความแข็งแรง ทนทาน ให้กับเนื้อฟิล์ม พร้อมทั้งป้องกันรังสียูวีได้สูง ทำให้ขับขี่สบายตาทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่รบกวนสัญญาดิจิตอลต่างๆ | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
UV CARE |
ปกป้องความอันตรายของรังสี UV400 ได้ 100 % และสามารถป้องกันแสงสีฟ้า หรือ Blue Light (ช่วง 400-415 nm) ได้สูงที่สุดในปัจจุบัน ไม่กีดกั้นสัญญาณ สะท้อนแสงต่ำ รับประกันคุณภาพนาน 7 ปี | ฟิล์มกรองแสงเซรามิค ใช้นวัตกรรมฟิล์มกรองแสง “SUPER CLEAR PLUS Technology” ที่หลอมรวมชั้นฟิล์มหลายชั้นเข้าด้วยกันปราศจากชั้นกาว ป้องกันรังสี UV400 & แสงสีฟ้า BLUE LIGHT ผ่านการทดสอบจากสถาบันที่น่าเชื่อถือด้วยมาตรฐานระดับโลก | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
R Series |
ฟิล์มกันร้อนในตำนานมากว่า 30 ปี ด้วยคุณสมบัติกันความร้อนได้สูงสุด ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถกันความร้อนได้สูงถึง 84% กันรังสียูวีได้มากกว่า 99% มาพร้อม 3 เฉดสีดีไซน์ คือ สีเทา สีฟ้า และสีเขียว | ผลิตจากโรงงานที่ดีที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่เรียกว่า “Sputter Metallized Coating” ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความคงทนอย่างยิ่ง และมีประสิทธิภาพกันความร้อนดีเยี่ยม | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
Modern Series |
ประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง พร้อมปกป้องอันตรายจากรังสียูวี ได้อย่างดีเยี่ยม มีเฉดสีเข้มหลากหลายให้คุณเลือก | คิดค้นขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบสนองเทรนด์ล่าสุดในปัจจุบันของผู้ขับขี่ซึ่งนิยมฟิล์มสีเข้ม สะท้อนแสงต่ำ โฉบเฉี่ยว แนวสปอร์ต หรูหราทันสมัย | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
Black Carbon Series |
ฟิล์มคาร์บอนสีดำสนิท ไม่มีส่วนผสมของโลหะ รถดำสนิทจากภายนอกและใสเคลียร์จากภายใน ป้องกันรังสี UVA, UVB ได้ 99.99% และกันรังสีความร้อน (Infrared) สูงสุดมากถึง 80% | เทคโนโลยีการคัดกรองอนุภาคของคาร์บอนที่มีขนาดเล็กในระดับนาโน (10-9m) นำมาผ่านกระบวนการผลิตฟิล์มกรองแสงร่วมกับแผ่นโพลีเอสเตอร์ (P.E.T.) ชนิดใสพิเศษจนได้แผ่นฟิล์มกรองแสงที่ใส เคลียร์ | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
Crystal Vision Series |
เนื้อฟิล์มใส ภายใน ทัศนวิสัยคมชัด เคลียร์ ระดับ High Definition ภายนอก ฟิล์มเข้ม สวย ให้ความเป็นส่วนตัว ประสิทธิภาพกันความร้อนดีเยี่ยม สามารถกันรังสี Infrared สูงสุดถึง 99.99% | อีกระดับของฟิล์มกรองแสง ที่ผลิตขึ้นจาก Ceramic และ Metal ทับซ้อนกันถึง 50 ชั้น ด้วยกรรมวิธี Multi-Layers Sputtering ออกมาเป็นฟิล์มกรองแสงที่ ใส เคลียร์ ดั่งคริสตัล พร้อมกันความร้อนสูงสุด จนคุณสัมผัสได้ | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
Supreme Series |
สามารถกันความร้อนจากแสงแดดสูงสุด 90% | ฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมี่ยม ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี Sputtering Multi-Layers Metallizing ซึ่งเป็นการเคลือบเนื้อฟิล์มด้วยโลหะที่มีคุณสมบัติกันความร้อนสูง คัดสรรเป็นพิเศษทับซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่กันความร้อนได้ดีที่สุดในยุค | ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท |
วิธีดูแลรักษาฟิล์มติดรถยนต์
- ไม่ควรเลื่อนกระจกขึ้น-ลง 7 วันหลังติดตั้งฟิล์ม
- งดฉีดน้ำล้างรถ 1 วัน
- ไม่ควรเช็ดถู ใช้น้ำยาล้างกระจก หรือใช้วัสดุที่อาจทำให้ฟิล์มเสียหายได้เป็นเวลา 3 อาทิตย์
- ภายใน 3 วันหลังติดตั้ง หากสังเกตเห็นฟองอากาศหรือมีฟิล์มหลุดลอกเสียหายให้รีบติดต่อร้านหรือศูนย์เพื่อแก้ไขทันที
อ่านบทความต่อ: ซื้อรถมือสองกับ Carsome ได้รถคุ้มค่าราคาถูกใจ! หรือ คู่มือการขอสินเชื่อรถยนต์ พร้อมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยฉบับสมบูรณ์
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!