พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของรถยนต์ต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประกันในกรณีที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รวมไปถึงการคุ้มครองแก่บุคคลที่ประสบอุบัติเหตุด้วย ซึ่งเรื่อง พรบ รถยนต์เป็นเรื่องใกล้ตัวและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของเรามาก เพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ในวันนี้ทาง CARSOME ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พรบ รถยนต์ ที่ควรรู้ มาฝากค่ะ
ซื้อรถยนต์มือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน
นึกถึง รถยนต์มือสอง ต้อง CARSOME

สารบัญ
ต่อพ.ร.บ.รถยนต์ |
---|
พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร?
พ.ร.บ.รถยนต์ หรือ ประกัน พ.ร.บ. ที่เรามักจะได้ยินกันบ่อย ๆ นั้นหมายถึง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นกฎหมายบังคับที่ให้รถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกต้องจัดให้มีประกันภัยอย่างน้อยที่สุด คือ การทำประกันภัยภายใต้ข้อบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือที่เรียกกันว่า ประกันภัย พ.ร.บ.รถยนต์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองแก่บุคคลผู้ประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถได้อย่างทันท่วงที โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลที่ประสบอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่
โดยพรบ รถยนต์ นี้ได้กำหนดให้เจ้าของรถที่มีชื่อในเล่มทะเบียนรถยนต์หรือผู้ครอบครองรถในกรณีเป็นผู้เช่าซื้อรถ ต้องต่ออายุพรบ ในทุก ๆ ปี เนื่องจากเป็นประกันภาคบังคับ และยังเป็นหลักฐานที่จำเป็นต่อการต่อภาษีรถยนต์ในทุก ๆ ปีด้วย หากในกรณีที่ไม่ต่อพรบ จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
พ.ร.บ.รถยนต์ ทำยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
การทำพ.ร.บ. หรือต่อพ.ร.บ.รถยนต์นั้นปัจจุบันสามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ กรมขนส่ง ที่ทำการไปรษณีย์ ห้างสรรพสินค้า และเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือช่องทางออนไลน์ โดยขั้นตอนของการต่อพรบ รถยนต์ สามารถแบ่งได้ตามกรณีของรถยนต์ใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปีและรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
ขั้นตอนการต่อพรบรถยนต์ของรถใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี
- กรณีที่เป็นรถใหม่มีอายุไม่เกิน 7 ปี สามารถนำเอกสาร สำเนาทะเบียนรถ หรือเล่มจริง และสำเนาบัตรประชาชน ไปที่ทำการรับบริการต่อพรบรถใกล้บ้านได้เลยค่ะ
ขั้นตอนการต่อพ.ร.บ.รถยนต์ของรถที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
การต่อพ.ร.บ.รถยนต์ของรถที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป จะต้องตรวจสภาพรถก่อน โดยสามารถตรวจได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ทุกแห่ง ที่ได้การรับรองจากกรมการขนส่งทางบก รวมถึงที่กรมขนส่งทางบกง ส่วนอัตราค่าเบี้ยประกันภัย พ.ร.บ. สำหรับรถยนต์ ขึ้นอยู่กับประเภทรถ โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้
- รถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 7 คน 600 บาท/ปี
- รถยนต์โดยสารเกิน 7 คน ไม่เกิน 15 ที่นั่ง 1,100 บาท/ปี
- รถยนต์โดยสารเกิน 15 ที่นั่ง ไม่เกิน 20 ที่นั่ง 2,050 บาท/ปี
- รถยนต์โดยสารเกิน 20 ที่นั่ง ไม่เกิน 40 ที่นั่ง 3,200 บาท/ปี
- รถยนต์โดยสารเกิน 40 ที่นั่ง 3,740 บาท/ปี
- รถยนต์ไฟฟ้า 600 บาท/ปี
ซึ่งการต่อพ.ร.บ.รถยนต์ จะต้องใช้เอกสารที่ต่างจากการทำพรบ รถยนต์ใหม่ ได้แก่
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา
- เอกสาร พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ยังไม่หมดอายุ
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (กรณีที่รถมีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป)
- เงินสำหรับอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
พ.ร.บ. รถยนต์คุ้มครองอะไร ?
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ที่ทำประกันไว้ การคุ้มครอง พรบ จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
1. คุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้น
สำหรับผู้ประสบภัย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือคนเดินเท้า จะได้รับความคุ้มครอง เป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีบาดเจ็บ และค่าปลงศพในกรณีเสียชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความผิด ซึ่งทางบริษัทประกันจะชดใช้ให้แก่ผู้ประสบภัย หรือทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่บริษัทได้รับคำร้องขอ ซึ่งแบ่งออกได้ 3 กรณี คือ
- ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท/คน
- กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ หรือเสียชีวิต จะได้รับค่าชดเชยจำนวน 35,000 บาท/คน
- กรณีผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บ และต่อมาได้สูญเสียอวัยวะ จะได้รับค่าชดเชยรวมกันแล้วไม่เกิน 65,000 บาท/คน
- กรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาพยาบาล จะได้รับค่าชดเชยไม่เกิน 65,000 บาท/คน
2. คุ้มครองค่าสินไหมทดแทน
เป็นค่าเสียหายที่นอกเหนือจากค่าเสียหายเบื้องต้น โดยบริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในกรณีผู้ประสบภัยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นฝ่ายถูก จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายอย่างอื่นที่ผู้ประสบภัย สามารถเรียกร้องได้ไม่เกิน 80,000 บาท/คน
- สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร บริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน 200,000 – 500,000 บาท/คน
- กรณีเสียชีวิต บริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท/คน
- ในกรณีที่เข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยรายวัน วันละ 200 บาท จำนวนรวมกันไม่เกิน 20 วัน
พ.ร.บ.รถยนต์ ต่อออนไลน์ได้มั้ย?
ดูวิธีต่อพ.ร.บ.รถยนต์ออนไลน์ได้ที่: วิธีต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ออนไลน์ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
ในปัจจุบันการต่อ พรบ รถยนต์ก็มีวิธีที่สะดวกสบายขึ้น เพื่อช่วยให้เจ้าของรถได้ต่อพรบ รถยนต์ ทันเวลา ประหยัดเวลา และช่วยหลีกเลี่ยงการเสียค่าปรับด้วย ซึ่งการต่อออนไลน์นั้นสามารถทำได้ที่เว็บไซต์กรมขนส่งทางบก (https://eservice.dlt.go.th)
ข้อมูลที่ต้องเตรียมสำหรับการต่อพรบ รถยนต์ออนไลน์
- ข้อมูลทะเบียนรถ
- ข้อมูลประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ที่มีวันสิ้นอายุความคุ้มครองไม่น้อยกว่า 90 วัน
ซึ่งหากใครยังไม่เคยลงทะเบียน ให้ทำการลงทะเบียนสมาชิกใหม่ รวมไปถึงการกรอกข้อมูลการส่งเอกสาร ที่อยู่ต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จแล้วก็สามารถทำการเข้าสู่ระบบได้ด้วยการกรอกเลขประจำตัวประชาชน
หลังจากเข้าสู่ระบบแล้วให้เลือกที่หัวข้อ ชำระภาษีรถประจำปี > ชำระภาษีรถประจำปีผ่านอินเตอร์เน็ต
เมื่อเข้าสู่หน้าค้นหาข้อมูลการลงทะเบียนรถ จะมีข้อมูล 3 ช่องให้กรอก ได้แก่ ประเภทรถ จังหวัด และเลขทะเบียนรถ หลังจากกรอกข้อมูลแล้วให้กดบันทึก จากนั้นรายการข้อมูลลงทะเบียนรถปรากฏด้านล่าง ให้คลิกช่องสี่เหลี่ยมด้านหน้ารายการแล้วกดชำระภาษี
ในกรณีที่รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อนให้คลิกที่ลงทะเบียนรถ จากนั้นก็ลงทะเบียนให้เรียบร้อยแล้วกดชำระภาษี
- เมื่อเข้าสู่หน้าข้อมูลการยื่นชำระภาษี จะมีข้อมูล 3 ช่องปรากฎ ได้แก่ รายละเอียดรถ ข้อมูล พ.ร.บ. และรายการที่ต้องชำระ สำหรับการต่อพรบรถจักรยานยนต์ออนไลน์ ให้เลือกหัวข้อ ข้อมูล พ.ร.บ. คลิกที่ช่องไม่มี (ซื้อผ่านระบบ) หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา ให้คลิกเลือก ต้องการซื้อ พ.ร.บ. ใหม่
- หลังจากนั้นให้กรอกข้อมูลข้างล่างช่องซื้อ พ.ร.บ. เพิ่ม รวมไปถึงข้อมูลบริษัทประกันภัยและรายละเอียดสถานที่จัดส่งเอกสารให้ครบถ้วน
- คลิกเลือกวิธีชำระเงิน สามารถเลือกวิธีชำระเงินต่าง ๆ ที่มีได้ตามสะดวก เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้วจะมีใบเสร็จขึ้นเป็นหลักฐาน จากนั้นก็สามารถรอรับ พ.ร.บ. รถยนต์ตามที่อยู่ที่กรอกไว้ได้เลยค่ะ
ไม่ใช่เจ้าของรถเบิก พรบ ได้ไหม ?
มาถึงข้อข้อใจที่หลาย ๆ คนอาจสงสัยในกรณีที่ผู้ขับขี่รถยนต์และเจ้าของรถยนต์นั้นไม่ใช่คนเดียวกัน แต่หากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุจะสามารถเบิกได้ไหม คำตอบก็คือ ได้ เนื่องจาก พรบ รถยนต์นั้นทำการคุ้มครองคนที่ประสบภัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสารหรือคู่กรณีก็ตาม โดยยังสามารถใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงค่าชดเชยต่าง ๆ อีกด้วย แต่การคุ้มครองของ พรบ รถยนต์นั้นก็ยังแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
- หากคุณเป็นฝ่ายผิด สามารถเบิกจากค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการบาดเจ็บ (จ่ายตามจริง) สูงสุด 30,000 บาท การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร สูงสุด 35,000 บาท
- หากคุณเป็นฝ่ายถูก สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ หรือค่าเสียหายอื่นๆ สูงสุด 80,000 บาท การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร สูงสุด 500,000 บาท ชดเชยรายวันวันละ 200 บาทไม่เกิน 20 วัน (ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน หรือ IPD)
ดังนั้นการต่อพ.ร.บ.รถยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ในกรณีรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ พรบ รถยนต์จะให้ความคุ้มครองทันทีทุกรณี ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรรอให้พรบ รถยนต์ หมดอายุ ไม่อย่างนั้น อาจทำให้เสียสิทธิ์ในการคุ้มครองอย่างต่อเนื่องได้ค่ะ โดยปัจจุบันก็มีแบบออนไลน์ที่สามารถทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีอื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมและได้วงเงินมากขึ้น ก็ควรสมัครประกันรถยนต์เพิ่มเติมด้วย
อ่านบทความต่อ:
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!