รู้มั้ย? Test Drive ผิดวิธีทำให้ตัดสินใจซื้อรถพลาด! มาดูขั้นตอนทดลองขับรถที่ถูกต้องกัน

รู้หรือไม่ว่าใครหลายคนทดลองขับรถผิดวิธี!

ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีการทดลองขับรถก่อนซื้อรถอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถมือใหม่หรือว่ามือสอง… แต่พวกเขากลับไม่ได้ใช้เวลาในการทดลองขับให้คุ้มค่าที่สุด! เพราะแน่นอนว่าการทดลองขับรถมีระยะเวลาจำกัด ดังนั้นเราจึงควรศึกษาให้ดีก่อนว่าขั้นตอนทดลองขับรถที่ถูกต้องคืออะไร และเราในฐานะผู้ซื้อควรจะสังเกตและตรวจสอบอะไรบ้างในระหว่างการทดลองขับรถ

เพราะการซื้อรถก็เหมือนกับการซื้อเก้าอี้สักตัว …แน่นอนว่าก่อนซื้อเราต้องทดลองนั่งดูว่าเก้าอี้ตัวนั้นให้ความสัมผัสที่ดี นุ่มสบาย นั่งแล้วไม่ปวดหลังไหม ก่อนจะซื้อรถเราก็ต้องลองระบบทุกอย่างให้ละเอียดซะก่อน เพราะรถมีราคาแพงและมีความซับซ้อนกว่ามาก แต่ไม่ต้องกังวลไป! วันนี้ Carsome ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ได้รวบรวมทริคและเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการทดลองขับรถมาให้อย่างครบถ้วน รับรองว่าถ้าทำตามทริคทดลองขับรถเหล่านี้ดูแล้วคุณจะได้รถที่ใช่สไตล์ที่ชอบขับกลับบ้านอย่างไม่รู้สึกคิดผิดทีหลังแน่นอน!

ขั้นตอนทดลองขับก่อนซื้อรถ

 

สารบัญ

 

ทดลองขับรถ (Test Drive) คืออะไร?

ทดลองขับรถ (Test Drive) คืออะไร?

การทดลองขับรถคือการที่ผู้ซื้อสนใจซื้อรถสักคันและต้องการทดสอบการใช้งานของรถคันนั้นดูก่อน จึงมีการขอผู้ขายทดลองขับรถก่อนการตัดสินใจ ซึ่งการทดลองขับรถของผู้ขายแต่ละที่ก็จะมีนโยบายแตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องระยะเวลาและเส้นทางสำหรับการทดลองขับรถ แต่ผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะทดลองขับรถที่สนใจ อาจจะทดลองขับแค่คันเดียวหรือจะทดลองขับหลายคันเพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจก็ได้ โดยผู้ซื้อจำเป็นต้องถามเกี่ยวกับนโยบายการทดลองขับรถจากผู้ขายแต่ละเจ้าอีกที 

อย่างไรก็ตาม การทดลองขับรถคือขั้นตอนที่สำคัญก่อนการซื้อรถ เพราะการมองแค่ความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง

 

ทดลองขับรถก่อนซื้อรถสำคัญยังไง?

เสียเวลาอีกสักนิดเพื่อทดลองขับรถประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ ทดลองขับรถแบบใจเย็นและไม่รีบซื้อทันที…รับรองว่าประโยชน์ที่ได้รับกลับไปคุ้มค่ากว่าเวลาที่เสียแน่นอน! มาดูกันเลยว่าประโยชน์ของการทดลองขับรถมีอะไรบ้าง

  • การทดลองขับรถจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้องว่ารถคันดังกล่าวเหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปหรือไม่
  • การทดลองขับรถทำให้คุณรู้สภาพรถคันที่จะซื้อได้ในเบื้องต้น ยิ่งถ้าเป็นรถมือสอง การทดลองขับก่อนซื้อคือสิ่งที่สำคัญมาก คุณจะได้สังเกตว่ารถยังใช้งานได้ดีไหมและจะได้รู้เท่าทันหากระบบไฟต่างๆ มีความเสียหายเนื่องจากรถถูกน้ำท่วมมาก่อน
  • การทดลองขับรถทำให้คุณป้องกันการถูกหลอกลวงได้ ทำให้คุณได้รู้ถึงสภาพรถและประสิทธิภาพที่แท้จริงของตัวรถ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันการโก่งราคาเกินควรได้อีกด้วย
  • การทดลองขับรถจะทำให้คุณได้มั่นใจในคุณภาพของรถคันนั้น เพราะหากได้รถคุณภาพแย่มา คุณอาจต้องรับภาระและเสียเงินซ่อมตามมาอีกมากมายไม่รู้จบ

 

สิ่งที่ควรสังเกตเมื่อทดลองขับรถ

สิ่งที่ควรสังเกตเมื่อทดลองขับรถ

หลายๆ คนไม่รู้ว่าควรจะต้องดูและทำอะไรบ้างระหว่างทดลองขับรถ ลองดูตามเช็คลิสต์ขั้นตอนทดลองขับรถของเราเลย รับรองว่าคุณจะไม่พลาดอะไรไปแน่นอน!

สิ่งที่ควรทำก่อนทดลองขับรถ

  • ศึกษาข้อมูล: เลือกรถที่อยากทดลองขับโดยการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ดูข้อมูลรีวิวตามเว็บไซต์และคลิปวิดีโอต่างๆ เลือกสเปคของรถที่เราต้องการ ควรเลือกรถที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และความต้องการของเรา หากคุณมีสมาชิกครอบครัวหลายคนและมีสัตว์เลี้ยงด้วย คุณอาจจะต้องโฟกัสที่ฟังก์ชั่นการใช้งานและพื้นที่ภายในรถให้ใหญ่เพียงพอ
  • เก็บข้อมูลจากคนขาย: ให้คนขายอธิบายสเปค ประสิทธิภาพ ระบบ และฟังก์ชั่นต่างๆ ของรถโดยละเอียดด
  • สำรวจภายนอกของตัวรถ: มีสนิมหรือรอยขีดข่วนตรงไหนไหม ควรสังเกตสีของควันรถด้วย สังเกตระบบไฟต่างๆ สังเกตสภาพยางรถ สังเกตเครื่องยนต์ดูว่ามีรอยรั่วตรงจุดไหนไหม และสำหรับรถมือสองควรขอประวัติรายงานการตรวจสภาพรถและการตรวจเช็ครถด้วย 
  • การเข้าออกรถ: ลองเปิดประตูเข้าไปนั่งในตัวรถ  ให้สังเกตตั้งแต่ตอนที่เปิดและก้าวเข้าไปนั่งในรถ ดูว่ารถสูงเกินไปจนทำให้ก้าวขาขึ้นไปลำบากหรือไม่ หรือว่าหัวชนเพดานรถหรือไม่ ควรเลือกรถที่พอดีกับความสูงของคุณ
  • พื้นที่คนขับ: ลองปรับที่นั่งคนขับ ดูว่าเท้าเหยียดได้สบายหรือไม่และเพดานรถสูงโล่งหรือไม่
  • จุดบอด: ลองปรับกระจกดูวิสัยทัศน์รอบๆ คัน ให้สังเกตว่าตัวรถมีจุดบอดหรือไม่ และถ้ามีจุดบอด มีระบบอะไรของรถมารองรับหรือไม่
  • ตำแหน่งตัวควบคุม: สังเกตดูเกียร์และตำแหน่งฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เรียบร้อย ดูว่าเราถนัดใช้งานหรือไม่
  • เครื่องเสียง: ลองฟังเครื่องเสียงในรถ ตรวจสอบให้ดีว่ามันยังใช้งานได้จริง
  • เลขระยะทางรถยนต์: ตรวจสอบเลขไมล์รถยนต์ เลขไมล์ที่เห็นควรสมเหตุสมผลกับอายุของรถยนต์ ถ้าเลขไมล์ต่ำผิดปกติอาจเกิดการปรับเปลี่ยนมาได้
  • ระบบต่างๆ : ตรวจสอบเครื่องปรับอากาศ ปิดเปิดหน้าต่าง ลองใช้ที่ปัดน้ำฝน และลองเปิดปิดกระจกมองข้างดู เช็คให้ดีว่าระบบต่างๆ ยังใช้งานได้

สิ่งที่ควรทำระหว่างทดลองขับรถ

  • การขับขี่: สังเกตดูว่าความรู้สึกขณะขับรถเป็นอย่างไร พวงมาลัยและช่วงล่างมีความนุ่มนวลหรือไม่
  • การเร่งความเร็ว: ต้องดูว่าสามารถเร่งความเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพไหม ไม่ควรใช้เวลาเร่งนานจนเกินไป
  • พวงมาลัย: ตรวจสอบว่าพวงมาลัยสามารถหมุนได้อย่างนุ่มนวล ถ้าหมุนพวงมาลัยตรงแล้วรถเอียงอาจเกิดปัญหาที่ล้อหรือช่วงล่างได้
  • ระบบเบรก: สังเกตเวลาเบรกว่าความรู้สึกเวลาเบรกเป็นยังไง
  • เกียร์: สังเกตเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาให้ดูว่าเข้าเกียร์ง่ายไหม คลัตช์หนักเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติก็ให้ดูความลื่นไหลในการเปลี่ยนเกียร์ ดูว่าเวลาเปลี่ยนไม่กระตุก
  • วิสัยทัศน์: ตรวจสอบให้ดีว่าวิสัยทัศน์ในการขับรถชัดเจน สามารถมองเห็นกระจกมองหน้าและกระจกมองข้างชัดเจน
  • ความคล่องแคล่วในการขับขี่: สังเกตว่ารถขับง่ายไหม และสามารถจอดได้ง่ายหรือเปล่า
  • เสียงในห้องโดยสาร: ฟังเสียงของเครื่องยนต์และล้อรถยนต์ว่าดังเกินจนผิดปกติไหม
  • เกจวัดความรัอน: ดูเครื่องวัดอุณภูมิรถให้ดี สังเกตว่ามีความร้อนผิดปกติไหม
  • เบรกมือ: ตรวจสอบว่าเบรกมือใช้งานได้ดีไหม ถ้าให้ดีควรตรวจสอบบนทางลาด

สิ่งที่ควรทำหลังทดลองขับรถ

  • เปรียบเทียบรถ: ไม่ควรตัดสินใจซื้อทันที ควรจะทดลองขับรถคันอื่นดูด้วยเพื่อนำมาเปรียบเทียบได้
  • ค่าซ่อมบำรุงในอนาคต: การซื้อรถไม่ได้ซื้อครั้งเดียวแล้วจบ แต่จะมีค่าซ่อมบำรุงเรื่อยๆ ดังนั้นคุณควรจะดูข้อมูลการรับประกันรถ ตารางการบำรุงรักษา ประกันรถ และค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ในรถที่เสียด้วยเช่นกัน

 

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อทดลองขับรถ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อทดลองขับรถ

คุณไม่ควรเข้าไปขอทดลองขับรถโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อน เพราะอาจจะทำให้คุณพลาดสิ่งที่ควรต้องโฟกัสไป อย่างน้อยๆ คุณควรจะรู้จักสเปคของรถยนต์ที่ต้องการซื้อ อาจจะเปรียบเทียบกับการใช้งานรถยนต์คันเก่าที่มี และควรวางแผนการเงินในการดาวน์และผ่อนไว้ก่อนด้วย ถ้าคุณวางแผนสิ่งเหล่านี้ไว้แล้วก็จะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดโฆษณาโน้มน้าวของคนขายอีกด้วย

นอกจากนี้ คุณไม่ควรตัดสินใจซื้อรถเร็วเกินไป คุณควรจะทดสอบและสำรวจระบบต่างๆ ของรถให้ละเอียดเสียก่อน สิ่งที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักมองข้ามคือเทคโนโลยีของรถยนต์ คุณควรตรวจสอบว่าระบบบลูทูธทำงานเป็นยังไง รวมถึงที่เสียบสาย USB ด้วย คุณควรคิดว่าสิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการแล้วหรือไม่

 

ควรทดลองขับรถที่ไหนบ้าง? ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะดีพอ?

ควรทดลองขับรถที่ไหนบ้าง? ใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะดีพอ?

การทดลองขับให้รู้ประสิทธิภาพของรถยนต์ การขับแค่ทางตรงถนนเรียบๆ อาจจะยังไม่เพียงพอ แล้วเราควรทดลองขับรถที่ไหนบ้าง? ข้อนี้สำคัญมากเพราะหลายคนมักพลาดและลืมนึกถึงข้อนี้ไป มาดูกันเลยว่าเราควรขอคนขายทดลองขับรถที่ไหนบ้างเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง

 

ทดลองขับรถในตัวเมือง

การทดลองขับรถในตัวเมืองเหมาะกับการทดสอบประสิทธิภาพรถในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นการเบรก การเปลี่ยนเกียร์ และควรฟังเสียงเครื่องยนต์ด้วย นอกจากนี้หากได้ลองกลับรถดูก็จะเป็นการทดสอบว่าล้อหมุนได้สมูทมั้ยหรือมีอะไรติดขัดหรือเปล่า

ทดลองขับรถบนถนนใหญ่หรือทางด่วน

การทดลองขับรถบนถนนที่ขับได้ด้วยความเร็วมากกว่า 80 km/hr ขึ้นไปเหมาะกับการทดสอบประสิทธิภาพในการเร่งเครื่อง ควรลองเปลี่ยนเลนหรือแซงรถดูเพื่อทดสอบวิสัยทัศน์การขับขี่และจุดบอด รวมถึงฟังเสียงเครื่องยนต์ว่าดังผิดปกติไหม และเช็คว่าเมื่อเร่งความเร็วรถมีกลิ่นไหม้ด้วยหรือไม่

ทดลองขับรถบนถนนที่เป็นหลุมบ่อ มีก้อนกรวด หรือมีการซ่อมแซมถนน

การทดสอบขับรถบนถนนที่ขุรขะเหมาะสมกับการทดสอบประสิทธิภาพของช่วงล่าง ควรสังเกตว่ารถมีการสั่นสะเทือนมากน้อยแค่ไหน และเสียงล้อดังเข้าไปในห้องโดยสารมากน้อยแค่ไหน

ทดลองขับรถในที่จอดรถ

การทดลองขับรถด้วยการลองจอดรถจะทำให้เรารู้ระยะของรถยนต์ และทำให้รู้ว่าเราถนัดขับรถยนต์คันนั้นมากน้อยแค่ไหน และยังได้ทดสอบการถอยหลังและเปลี่ยนเกียร์ว่ามีความสมูทไหมอีกด้วย

ผู้ขายรถหลายที่มักจะมีเส้นทางที่กำหนดในการให้ทดลองขับรถอยู่แล้ว และส่วนใหญ่มักจะเป็นถนนในเมืองที่ไม่สามารถทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์ได้ทั้งหมด ดังนั้นผู้ซื้อควรจะขอทดลองขับบนถนนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ส่วนเวลาในการขับรถขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ขาย โดยส่วนใหญ่เวลาทดลองขับรถมักจะกำหนดไว้ที่ 15 – 30 นาที แต่หากต้องการทดลองขับมากกว่านั้นก็อาจจะขอผู้ซื้อได้เช่นกัน

 

ทริคสังเกตระหว่างทดลองขับว่ารถเคยมีน้ำท่วมหรือเจออุบัติเหตุใหญ่ไหม

ทริคสังเกตระหว่างทดลองขับว่ารถเคยมีน้ำท่วมหรือเจออุบัติเหตุใหญ่ไหม

  • สังเกตร่องรอยความชื้นหรือกลิ่นเหม็นอับของรถยนต์ อาจจะลองปิดหน้าต่างรถยนต์และดมกลิ่นดู ถ้าหากได้กลิ่นเชื้อราก็เป็นไปได้ว่ารถคันนั้นอาจจะถูกน้ำท่วมมาก่อน
  • สังเกตสิ่งสกปรก รถที่ถูกน้ำท่วมมามักจะมีหญ้าและดินซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ เช่น เก๊ะหน้ารถ ใต้เบาะนั่ง เครื่องยนต์ หรือแอบซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์
  • สังเกตสนิม ลองดูว่าชิ้นส่วนโลหะต่างๆ ในรถมีสนิมขึ้นหรือไม่ เช่น น็อต ที่เปิดประตู ฯลฯ และอาจจะลองสังเกตภายนอกของตัวรถว่ามีจุดไหนที่ทาสีไม่เรียบไหม เพราะอาจจะมีการทาสีปกปิดสนิมที่ขึ้นรถได้
  • ตรวจสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในรถยนต์
  • หาผู้เชี่ยวชาญรถยนต์ในการตรวจสอบให้คุณ! ถ้าคุณอยากอุ่นใจ เลือกซื้อรถมือสองใน Carsome ได้เลยเพราะผ่านการตรวจสอบมาแล้วอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญ

 

ใครต้องรับผิดชอบถ้าเกิดอุบัติเหตุตอน Test Drive?

ใครต้องรับผิดชอบถ้าเกิดอุบัติเหตุตอน Test Drive?

แน่นอนว่านโยบายของแต่ละที่ไม่เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่รถที่ให้ทดลองขับมักจะมีประกันครอบคลุมแล้วในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ถ้าเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ หรือเกิดรอยถลอกขีดข่วนเล็กๆ ผู้ขายมักจะจ่ายค่าซ่อมแซมเอง (หากผู้ขายให้เซ็นสัญญารับผิดชอบค่าซ่อมแซมเองก่อนทดลองขับรถก็ไม่ควรเซ็น)

อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุใหญ่และรถมีร่องรอยความเสียหายมาก ผู้ทดลองขับอาจจะต้องเป็นคนออกค่าซ่อมแซมเอง

 

สรุป

การทดลองขับคือขั้นตอนสำคัญก่อนการตัดสินใจซื้อรถ ผู้ซื้อควรศึกษาข้อมูลและสังเกตการใช้งานในด้านต่างๆ ของรถให้ครบถ้วนเพื่อให้ได้รถที่ถูกใจและสามารถใช้งานได้ในระยะยาว

 

อ่านบทความต่อ: ซื้อรถมือสองกับ Carsome ได้รถคุ้มค่าราคาถูกใจ!  หรือ คู่มือการขอสินเชื่อรถยนต์ พร้อมเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยฉบับสมบูรณ์

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!