รถ Supercar VS Hypercar ต่างกันอย่างไร

Supercar vs Hypercar ต่างกันอย่างไร

เชื่อว่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในรถยนต์แล้ว คงต้องเคยได้ยินชื่อของ Supercar (รถซุปเปอร์คาร์) และ Hypercar (ไฮเปอร์คาร์) มาบ้าง โดยนับว่า เป็นสุดยอดยนตกรรมที่มีสมรรถนะสูงยิ่งกว่ารถที่เราพบเห็นได้ตามท้องถนนโดยทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า รถแบบไหนถึงจัดว่าเป็นรถซุปเปอร์คาร์ และรถซุปเปอร์คาร์นั้นแตกต่างจากไฮเปอร์คาร์อย่างไร ทำไมถึงใครๆ ถึงได้ยกไฮเปอร์คาร์ให้เหนือกว่ารถซุปเปอร์คาร์ในทุกๆ ด้าน

วันนี้ CARSOME จึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถซุปเปอร์คาร์และรถไฮเปอร์คาร์มาให้ทุกคนได้ลองศึกษากัน ซึ่งรถซุปเปอร์คาร์และรถไฮเปอร์คาร์จะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ตัวอย่างของรถซุปเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์มีอะไรบ้าง ไปอ่านกันได้เลย

ซื้อรถมือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดพร้อมปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินภายใน 30 วัน

นึกถึง รถมือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

Supercar VS Hypercar

Supercar คืออะไร

McLaren 720S Supercar สุดฮอต

Supercar (รถซุปเปอร์คาร์) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Exotic car คือ รถสปอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมขุมพลังที่เหนือชั้น สามารถใช้ได้ทั้งในการแข่งขันและวิ่งบนถนน โดยมีอัตราเร่ง 0-100 ต่ำกว่า 4 วินาที และความเร็วสูงสุดมากกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ตัวรถซุปเปอร์คาร์นั้นมีขุมพลังสูงสุดถึง 500 – 700 แรงม้า ทำให้เป็นรถยนต์ที่ขับสนุก แรง เร็ว เร้าใจ โดยส่วนมากจะมี 2 ที่นั่งและมาพร้อมรูปโฉมที่อลังการงานสร้างเรียกว่า ขับไปที่ไหนสาวเหลียวมองทุกราย  

นอกจากรูปโฉมสุดแสนกระชากใจแล้ว ซูเปอร์คาร์ยังมักทำหน้าที่เป็นรถรุ่นเรือธงในกลุ่มรถสปอร์ตของผู้ผลิตรถยนต์ และมักจะมีเทคโนโลยีเสริมสมรรถนะด้านต่างๆ ที่ถ่ายทอดมาจากรถแข่งในสนามมอเตอร์สปอร์ต เช่น Ferrari 458 Italia, Lamborghini Aventador, McLaren 720S เป็นต้น

วิ่งเท่ๆ ได้แต่ไม่เหมาะกับชีวิตจริง

Porsche 911 รถ Supercar ที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ

แต่ถึงแม้จะเป็นรถสมรรถนะเยี่ยมที่มาพร้อมเทคโนโลยีชั้นยอด ชาวไทยทั่วไปก็ยังไม่นิยมใช้รถซุปเปอร์คาร์ตามท้องถนนสักเท่าไหร่ หลักๆ ก็เพราะรูปทรงของตัวรถซุปเปอร์คาร์ยังเป็นทรงเตี้ยเพื่อประโยชน์ในการทำความเร็ว แต่ไม่สามารถเผชิญหลุมบ่อ คอสะพาน กับน้ำรอระบายในเมืองไทย รวมไปถึงช่วงล่างของรถที่ส่วนใหญ่มักจะทำออกมาให้แข็งมากกว่ารถทั่วไป เพื่อช่วยในการเกาะถนนและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แต่ผลที่ตามมาก็คือ ตัวรถจะกระโดดกระเด้งเมื่อเจอถนนที่ขรุขระเป็นหลุมบ่อ ซึ่งเป็นลักษณะปกติของถนนในเมืองไทย 

นอกจากนั้น ภายในห้องโดยสารเองก็ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันเท่าไรนัก อย่างเบาะนั่งก็จะเป็นสไตล์รถสปอร์ตที่จะโอบรับกับตัวผู้โดยสารจนทำให้รู้สึกอึดอัดได้ รวมไปถึงการใช้งานอื่นๆ อย่างการขนของขนาดใหญ่ซึ่งรถซุปเปอร์คาร์ก็แทบไม่มีที่ว่างให้ขนอะไรใหญ่ๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง ในเวลาที่จำเป็นได้เลย ยังไม่นับรวมถึงราคาที่สูงจนชวนกระเป๋าฉีก แถมตามมาด้วยค่าใช้จ่ายสำหรับบำรุงรักษาและค่าประกันภัยที่สูงลิ่ว ด้วยเหตุนี้ รถซุปเปอร์คาร์จึงยังไม่เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และยังคงได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบการสะสมรถนั่นเอง

Classic Supercar คันแรกของโลก

Lamborghini Miura รถ Supercar คันแรกของโลก

ถึงแม้คำว่า “ซุปเปอร์คาร์” จะเริ่มได้รับการพูดถึงอย่างมากที่ในช่วงทศวรรษที่ 1970 – 1980 แต่นิยามของคำๆ นี้เองก็ไม่เคยได้รับการจำกัดความอย่างชัดเจน ซึ่งคำนิยามหนึ่งที่ได้รับความนิยมจนถึงช่วงปี 1990 ก็คือ เป็นรถยนต์ 2 ที่นั่งที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ตรงกลาง โดยเครื่องยนต์จะต้องมีกระบอกสูบอย่างน้อย 8 สูบ (แต่โดยทั่วไปจะใช้เครื่องยนต์ 12 กระบอกสูบ) กำลังสูงสุดมากกว่า 400 แรงม้า (298 กิโลวัตต์) และอัตราเร็วสูงสุดมากกว่า 180 ไมล์ต่อชั่วโมง (290 กม./ชม.) 

รถที่ได้รับการอ้างอิงเป็นรถซุปเปอร์คาร์คันแรกของโลกอยู่เป็นประจำก็คือ Lamborghini Miura ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1973 โดยเป็นรถสปอร์ตผลิตโดยผู้ผลิตรถยนต์อิตาลีอย่าง Lamborghini โดยเป็นรถรุ่นแรกที่มี 2 ที่นั่งและติดตั้งเครื่องยนต์ไว้ตรงกลาง เดิมที Miura นั้นขัดต่อความชื่อชอบของผู้ก่อตั้ง Lamborghini อย่าง Ferruccio Lamborghini ที่ชื่นชอบรถสไตล์ทัวร์ริ่งที่ดูสง่างามและทรงพลังมากกว่ารถสไตล์รถแข่งแบบรถของคู่แข่งจากประเทศเดียวกันอย่าง Ferrari อย่างไรก็ตาม รถคันนี้กลับได้รับการตอบรับอย่างดีจากการเปิดตัวต้นแบบในงาน Turin Auto Show ปี 1965 อีกทั้งยังกลายเป็นมาตรฐานของบรรดารถซุปเปอร์คาร์และรถสปอร์ตสมรรถนะสูงในปัจจุบันอีกด้วย

ตัวอย่างรถซุปเปอร์คาร์มียี่ห้ออะไรบ้าง

1. McLaren 765lt

McLaren 765lt รถซุปเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดในโลก

ด้วยค่าตัวที่สูงถึงประมาณ 60 ล้านบาทจนขึ้นแท่น รถซุปเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดในโลก ในปี 2020 กับ McLaren 765LT (แมคลาเรน 765 แอลที) มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo กำลังสูงสุด 765 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร 800 อัตราเร่ง 0 -100 กม. / ชม. ภายใน 2.8 วินาที พร้อมจุดเด่นโครงสร้างตัวถังใหม่ที่มีน้ำหนักเบา และเลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบหลักในชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวถังที่เบาที่สุด 

นอกจากนั้น McLaren 765LT ยังมาพร้อมระบบเกียร์รุ่นใหม่ที่ปรับความสมดุลสูงสุดต่อการตอบสนองของคันเร่งมาติดตั้ง ทำให้มีอัตราทดเกียร์เร็วขึ้นถึง 15% ซึ่งรถรุ่นนี้มีการผลิตขึ้นในปี 2020 เพียง 765 คันทั่วโลก และจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 8 คันเท่านั้น

2. Lamborghini Huracan STO

Lamborghini Huracan STO Supercar

เมื่อพูดถึงรถซุปเปอร์คาร์แล้ว จะไม่พูดถึงแบรนด์ที่เป็นต้นกำเนิดของคำๆ นี้ก็คงไม่ได้ กับแบรนด์กระทิงดุ Lamborghini โดยรุ่นหนึ่งที่ติดโผ 10 อันดับรถซุปเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของแบรนด์นี้ก็คือ Lamborghini Huracán STO (ลัมบอร์กีนี ฮูราคาน เอสทีโอ) ที่มีค่าตัวสูงถึง 29.9 ล้านบาท

รถคันนี้มาพร้อมการเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกใหม่ เพื่อช่วยให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการนำฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อ และกันชนหน้าของตัวรถมาดีไซน์ใหม่ให้เป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้ Huracán STO มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว

Lamborghini Huracán STO มาพร้อมเครื่องยนต์ V10 แบบ NA 5.2 ลิตร กำลังสูงสุด 640 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 565 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.0 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ 3 โหมด คือ STO สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน, Trofeo สำหรับการขับขี่บนสนามแข่งในพื้นผิวที่แห้งและ Pioggia สำหรับพื้นผิวถนนที่เปียก

3. Porsche 911

Porsche 911 Supercar

Porsche เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถหรูที่หลายๆ คนนึกถึงเมื่อกล่าวถึงรถซุปเปอร์คาร์ โดยเฉพาะ Porsche 911 (ปอร์เช่ ไนน์ วัน วัน) ที่มีให้เลือกถึง 10 รุ่นย่อยพร้อมเรทราคาที่ค่อนข้างกว้างตั้งแต่ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาทไปจนถึงตัวทอปสเปคจัดเต็ม 22 ล้านบาท

ซึ่งเอกลักษณ์ของรุ่นนี้อยู่ที่ระบบช่วงล่างที่แน่น หนึบ โดยเป็นนวัตกรรมใหม่จาก Bilstein DTX Technology ที่ใช้โช้คอัพไฟฟ้า Porsche electronically controlled dampers ปรับการทำงานแบบอัตโนมัตินั่นเอง

เครื่องยนต์ของ Porsche 911 Carrera S เป็นรุ่นเริ่มต้นนั้นเป็นเครื่อง 6 สูบ Boxer ขนาด 3.0 ลิตร ระบบเทอร์โบคู่ Bi Turbo ทำกำลังสูงสุด 450 แรงม้า พร้อมส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ Porsche PDK 8 สปีด ให้อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ภายใน 3.5 วินาที

อย่างไรก็ตาม ยี่ห้อรถซุปเปอร์คาร์ทั้งหมด ไม่ได้มีแค่นี้ เพราะนอกจากรุ่นรถทั้งสามที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีรถซุปเปอร์คาร์ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามที่จอดรถซุปเปอร์คาร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ดังต่อไปนี้

  • Audi รุ่น R8, RS4, RS5, RS6 และ RS7
  • BMW รุ่น 1M, M2, M3, M4, M5, M6, i8, X5M และ X6M
  • Mercedes-Benz รุ่น SL, SLR, SLS, S63, S65, CL, CLS, E63, C63 และ Mercedes-Maybach
  • Nissan รุ่น GTR
  • Ford รุ่น GT
  • Honda รุ่น NSX
  • Chevrolet รุ่น Camero และ Corvelte

นึกถึง รถมือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

Hypercar : เหนือกว่า Supercar ไปอี๊ก?

bugatti chiron super sport 300+ hypercar

ถึงแม้ว่า Hypercar (ไฮเปอร์คาร์) จะยังเป็นคำศัพท์ใหม่ที่ยังไม่มีนิยามที่ตายตัว แต่ถ้าหากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แล้ว รถไฮเปอร์คาร์ ก็คือ ซูเปอร์คาร์ชั้นยอดที่ผลิตในจำนวนจำกัด โดยมีราคาประมาณหรือมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐนั่นเอง และด้วยความตัวทอป 

แน่นอนว่า สมรรถนะของตัวรถไฮเปอร์คาร์นั้นจะสูงและเหนือชั้นกว่าบรรดาซุปเปอร์คาร์รุ่นย่อยอื่นๆ ที่อยู่ในไลน์ผลิตอย่างชัดเจน แถมบางรุ่นยังถูกสร้างให้เป็นรถที่ที่ถูกสร้างและออกแบบมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ถูกยกให้เป็นรถที่เร็วและแรงที่สุดที่บริษัทผลิตขึ้นมาในปีนั้นๆ อีกด้วย คล้ายๆ เด็กนักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดในห้องคิงของโรงเรียนนั่นเอง ซึ่งนอกจากตัวสมรรถนะที่โดดเด่นของรถแล้ว ซุปเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ยังสามารถแยกความแตกต่างในระดับปลีกย่อยได้ดังนี้

ความแตกต่างระหว่าง Supercar กับ Hypercar

ข้อเปรียบเทียบซุปเปอร์คาร์ไฮเปอร์คาร์
ราคาประมาณ 10,000 ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านกว่าบาท) 500,000 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (ประมาณ 18 ล้านบาท)
จำนวนผลิตออกมาตามแผนการผลิตปกติผลิตออกมาในจำนวนที่จำกัดมากๆ เป็นรถหายากที่น้อยคนจะได้ครอบครอง
ความเร็วมากกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมงมากกว่า 386 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เครื่องยนต์เครื่องยนต์สมรรถนะสูงเครื่องยนต์ไฮบริดเพื่อเพิ่มความเร็วและความแรงของตัวรถ

ตัวอย่างรถ Hypercar ที่น่าสนใจ

1. Bugatti Bolide

Bugatti Bolide hypercar

พบกับขั้นกว่าของสมรรถนะกับรถที่เป็นตำนานอย่าง Bugatti Bolide (บูกัตตี โบลีด) ที่ทางทีม Bugatti ตั้งใจจะปล่อยออกมาทำลายสถิติเดิมที่พวกเขาเคยสร้างไว้ที่ 483 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากเปิดตัวรุ่น Chiron Super Sport 300+ ในปี 2019 ที่ผ่านมา ทำให้ Bugatti Bolide ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 498 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว

Bugatti Bolide นับว่าเป็นรถที่ฮาร์ดคอร์ แรง และเบาที่สุดของทางค่าย โดยมีน้ำหนักรถเปล่าเพียง 1,240 กิโลกรัม สร้างจากโครงสร้าง monocoque คาร์บอนไฟเบอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และถูกผลิตขึ้นเพียง 40 คันทั่วโลก มาพร้อมขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 8.0 ลิตร W16 เทอร์โบ 4 ลูก ให้กำลังสูงสุด 1,850 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,850 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ DSG คลัทซ์คู่ 7 สปีด

Hypercar รุ่นนี้มีจุดประสงค์คือ การทำการทดลองเพื่อเก็บข้อมูล (Experiment) ที่มาชื่อรุ่นมาจากคำในภาษาฝรั่งเศสว่า “Le bolide” ที่แปลว่า “รถแข่ง” เพราะ Bugatti ออกแบบ Hypercar คันนี้มาเพื่อลงสนามแข่งโดยเฉพาะนั่นเอง

2. Koenigsegg Jesko Absolut

Koenigsegg Jesko Absolut Hypercar

รถ Hypercar จากบริษัทผลิตรถยนต์ Koenigsegg สัญชาติสวีเดน ที่นำเครื่องยนต์จากซีรีส์ Agera RS มาพัฒนาต่อยอดให้มีการควบคุมที่แม่นยำมากกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มหลักพลศาสตร์เข้ากับตัวรถ รวมถึงลดน้ำหนักลงเพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุด ทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นรถ Koenigsegg ที่เร็วและแรงที่สุดที่บริษัทผลิตขึ้นมาในปี 2022 โดยทำความเร็วได้สูงสุด 531 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว

เจ้าจรวดติดล้อ Koenigsegg Jesko Absolut (เคอนิกเส็กก์ เจสโก แอปซอรูท) คันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร เทอร์โบคู่  4 วาล์วต่อสูบ Flat-plane crankshaft, DOHC ใช้ระบบน้ำมันหล่อลื่นแบบ Dry sump กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ 9 สปีด คลัทซ์คู่ Light Speed Tranmission (LST) โดยมีน้ำหนักตัวรถรวมของเหลวเพียง 90 กิโลกรัมเท่านั้น

3. SSC Tuatara

SSC Tuatara hypercar

รถ Hypercar จาก SSC North America ที่นอกจากจะเป็น Hypercar ที่เร็วสุดในโลกประจำปี 2022 แล้ว ยังมีราคามีราคาสูงถึง 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังผลิตขึ้นเป็นจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น โดยชื่อรุ่น SSC Tuatara นี้มีที่มาจากสัตว์เลื้อยคลานที่ชื่อว่า Tuatara ซึ่งที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ขึ้นชื่อว่า มีพัฒนาการไวที่สุดในโลก เปรียบเหมือนรถคันนี้ที่เป็นพัฒนาการขั้นสูงสุดในแวดวงยานยนต์นั่นเอง

SSC Tuatara (เอสเอสซี ทัวทารา) ได้รับการออกแบบ ตามหลักแอร์โรไดนามิกรอบคัน ตั้งแต่กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง ช่องลมตามจุดต่างๆ เพื่อให้อากาศไหลผ่านได้ลื่นที่สุด ตัวรถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ที่ต่ำกว่าทั้ง Bugatti Chiron, Koenigsegg Agera และ Hennessy Venom F5 มาพร้อมกับเครื่องยนต์บล็อกอลูมิเนียมเทอร์โบคู่ V8 ขนาด 6.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ข้อเหวี่ยงแบบ Flat-plane กำลังสูงสุด 1,750 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลา 2.5 วินาที ทำความเร็วได้สูงสุด 532.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 7 สปีด Robotic Manual

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องราวของ Supercar และ Hypercar ที่นำมาฝากกันในวันนี้ เรียกได้ว่า แต่ละคันก็มาพร้อมสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว เร้าใจ สมกับเป็นรถหรูในฝันของหลายๆ คนเลยทีเดียว แน่นอนว่า ราคาที่ไม่ธรรมดาของแต่ละคันก็ชวนให้อยากจะเหลียวกลับไปกอดเจ้าคันเก่งที่พาเราไปถึงที่ทำงานตอนเช้าๆ ไว้แน่นๆ เช่นกัน 

แต่ถ้าคุณกำลังมองหารถในฝันที่มาพร้อมราคาคุ้มค่า รถมือสองที่ได้รับการรับประกันคุณภาพจาก CARSOME ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะรถทุกคันผ่าน การตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุด และ ปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมาพร้อม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า เรียกได้ว่า ได้รถในฝันคุณภาพเยี่ยมอย่างแน่นอน

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถมือสอง หรือ ขายรถคันเดิม แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณคุ้มค่าที่สุด! เรามีการดำเนินการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส รวดเร็ว ให้คุณซื้อหรือขายรถได้อย่างสบายใจ คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!

CTA CARSOME ซื้อขายรถยนต์มือสอง

อ่านบทความต่อ: 7 Top Used Honda Accord You Should Buy @CARSOME หรือ ดารา เกาหลี ขับอะไร? รวมรถหรูของศิลปิน-ดาราเกาหลี