Checklist: 8 จุด ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

Checklist: 8 จุด ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

ช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลายคนคงกำลังเตรียมแผนการเดินทางในวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็นการออกไปท่องเที่ยวกับครอบครัว หรือเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างมากก่อนการเดินทางก็คือ เจ้าของรถควร ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน จนทำให้ทริปที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขต้องมาสะดุดในวันหยุดยาวได้

อย่างไรก็ตาม หลายคนคิดว่า การตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกล จำเป็นต้องไปที่ ศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์ หรือ ศูนย์เช็กสภาพรถ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่แท้จริงแล้ว เจ้าของรถสามารถเช็กสภาพรถของตนเองเบื้องต้นได้ง่ายๆ ใน 8 จุดสำคัญที่ควรจะต้องดูแลความเรียบร้อยก่อนเดินทางไกลดังต่อไปนี้

ซื้อรถยนต์มือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจสภาพ 175 จุด พร้อมรับประกันสูงสุด 2 ปี ราคาคงที่ ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน

นึกถึง รถยนต์มือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

8 จุดสำคัญ ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

  1. แบตเตอรี่

  2. ล้อรถยนต์ ยางรถยนต์

  3. ระบบช่วงล่างรถยนต์

  4. ระบบเบรก ระดับน้ำมันเบรก

  5. ระบบไฟ ใบปัดน้ำฝน

  6. น้ำมันเครื่อง

  7. หม้อน้ำ ระบบระบายความร้อน

  8. แผ่นกรองอากาศ ระบบแอร์

ตรวจเช็กสภาพรถฟรี ที่ไหนดี 2565

8 จุดสำคัญ ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

อย่าให้การเดินทางไกลต้องทำให้คุณหัวเสียเพราะสารพัดปัญหารถเสียกลางทาง พบกับ 8 จุดสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควร ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนออกเดินทาง พร้อมวิธีตรวจสภาพรถเพื่อความปลอดภัย มอบความอุ่นใจให้สมาชิกในครอบครัว

1. ตรวจเช็กสภาพรถ แบตเตอรี่

ตรวจเช็กสภาพรถ แบตเตอรี่

เพราะ แบตเตอรี่รถยนต์ คือหัวใจหลักของการสตาร์ทรถยนต์เนื่องจากเป็นตัวทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้กับระบบเครื่องยนต์รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการพลังงานไฟฟ้า กุญแจสำคัญในการตรวจเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ก็คือ จุดเชื่อมต่อแบตเตอรี่ เพราะหากการเชื่อมต่อของแบตเตอรี่ไม่ดี ระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ตลอดจนถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถก็ทำงานได้ไม่ราบรื่นไปตามด้วย 

เราสามารถดูแลจุดเชื่อมต่อแบตเตอรี่ได้ง่ายๆ โดยทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ด้วยการเช็ดสิ่งสกปรกอย่างคราบขี้เกลือสีขาวบนขั้วแบตเตอรี่ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

วิธีทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่

  1. ใช้แปรงลวดขัดจนกว่าคราบกัดกร่อนจะหลุดไป
  2. ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกโดยเริ่มจากสายไฟขั้วลบก่อน
  3. ทำความสะอาดทั้งขั้วต่อและขั้วแบตเตอรี่ด้วยน้ำยาทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
  4. ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบต่างๆ ออกให้สะอาด
  5. ใช้ผ้าแห้งเช็ดขั้วต่อและขั้วแบตเตอรี่ให้แห้งสนิท
  6. ประกอบกลับตามเดิมและขันขั้วต่อแบตเตอรี่ให้แน่น

นอกจากนั้น เราควรตรวจสอบสภาพตัวก้อนแบตเตอรี่ว่า ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ พร้อมทั้งเช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนด รวมถึงความแน่นของขั้วแบตเตอรี่และฉนวนหุ้มสายที่ต่อเข้ากับวงจรอีกด้วย

2. ล้อรถยนต์ ยางรถยนต์

ล้อและยางรถยนต์ เป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง และเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนหลักที่ง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น ยางระเบิดขณะขับขี่ เป็นต้น ซึ่งการเช็กส่วนล้อก็ควรเริ่มต้นสังเกตที่ตัวล้อว่า ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่คด ไม่เบี้ยว น็อตล้อยังขันแน่น ขณะที่ส่วนยางรถยนต์ก็ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่แตกลายงา ไม่นูนหรือบวมจนผิดปกติ มีลมยางตามที่คู่มือประจำรถกำหนด ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมเช็กความลึกร่องดอกยางและควรเปลี่ยนยางใหม่เมื่อร่องดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตรหรือที่เรียกกันว่า “ดอกยางหมด” ก่อนออกเดินทางด้วย

3. ตรวจเช็กสภาพรถ ระบบช่วงล่างรถยนต์

ระบบช่วงล่างรถยนต์ ตรวจเช็กสภาพรถ

ถัดจากล้อรถยนต์ขึ้นมาก็เป็น ระบบช่วงล่าง ซึ่งเป็นศูนย์ถ่วงของการขับขี่รถยนต์ ถึงแม้จะค่อนข้างยากสักนิด แต่เจ้าของรถก็สามารถตรวจสอบระบบช่วงล่างด้วยตนเองได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจเช็กคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้คว่า รั่วหรือไม่ พร้อมทั้งเติมน้ำมันเกียร์และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม หลังจากนั้น ให้ ลองขับบนถนนเรียบทางตรงและสังเกตพวงมาลัยว่าตรงไหม มีเสียงแปลกปลอม หรือความผิดปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติข้อใดข้อหนึ่งก็ควรนำไปแก้ไขตามจุดสังเกตดังนี้ 

วิธีตรวจสอบระบบช่วงล่างรถยนต์

  1. หากระหว่างออกตัวหรือกำลังหยุดรถทั้งเดินหน้าและถอยหลัง มีเสียงดังกึกแบบเบาๆ หรือขับขี่ในทางตรงแล้ว พวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าบูชปีกนกอาจจะมีปัญหา จำเป็นต้องนำรถไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่
  2. หากมีเสียงดังขณะขับขี่ไปบนถนนขรุขระหรือลูกระนาด ลูกหมากปีกนกอาจจะมีปัญหา 
  3. หากขับขี่ในทางตรง แต่รู้สึกว่าล้อไม่ตรง ไม่สามารถควบคุมให้รถนิ่งได้ หรือถ้าขับขี่ไปบนถนนขรุขระแล้วสะท้านขึ้นมาจนถึงพวงมาลัย แสดงว่าลูกหมากแร๊คหรือยางรัดแร๊คมีปัญหา ต้องรีบให้ช่างแก้ไขโดยด่วน
  4. ขับขี่ไปบนถนนขรุขระแล้วพวงมาลัยดึง และหลวม มีเสียงดังกุกกัก แสดงว่าลูกหมากคันชักอาจจะมีปัญหา

4. ระบบเบรก ระดับน้ำมันเบรก

อย่างที่เราทราบกันดีว่า ระบบเบรค เป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญของตัวรถ อีกทั้งยังรักษาชีวิตของผู้โดยสารได้ในเวลาฉุนเฉิน ดังนั้น ระบบเบรคจึงต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา โดยผ้าเบรกจะต้องไม่บางเกินไป ความหนาของเนื้อผ้าเบรกรวม Backing Plate (แผ่นเหล็กประกบหลังผ้าเบรก) ไม่น้อยกว่า 7 มม. นอกจากนั้น จานเบรกต้องไม่คด ไม่สั่น จานเบรกมาเจียนหน้าสัมผัสให้เรียบเสมอกัน และมีความหนาไม่ต่างจากของเดิมมากนัก นอกจากนั้น ควรมีการเปลี่ยนผ้าเบรกและน้ำมันเบรกตามกำหนด

อีกหนึ่งจุดที่สำคัญคือ การตรวจเช็กปริมาณน้ำมันเบรก ซึ่งจะแตกต่างจากการตรวจเช็กของเหลวอื่นๆ ในระบบ เนื่องจากระบบน้ำมันเบรกเป็นระบบปิด น้ำมันเบรกจะอยู่ภายในระบบโดยไม่มีการระเหยออกหรือถูกใช้ไปเหมือนของเหลวอื่นๆ อย่างน้ำมันเชื้อเพลิง หรือน้ำยาเช็ดกระจก ดังนั้น ถ้าปริมาณน้ำมันเบรกลดลง อาจจะมีสาเหตุมาจากผ้าเบรกสึก หรือมีจุดที่ระบบเบรกรั่วที่ต้องตรวจสอบและซ่อมแซมโดยด่วน

จุดสำคัญที่ควรตรวจเช็กระบบเบรก

  • น้ำมันเบรก ต้องอยู่ระดับ Full สีใส ไม่ดำคล้ำ
  • หม้อลมเบรกหลังกระปุกน้ำมันเบรก อยู่ในสภาพดี
  • ชุดระบบเบรค ABS สายน้ำมันเบรก อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน
  • จานเบรก ควรมีรอยสึกเสมอกันทั่วทั้งวง และขนาดไม่บางเกินไป
  • แนวร่องกลางผ้าเบรก ควรมีความลึกที่เหมาะสม
  • ชุดคาลิเพอร์เบรคประกบผ้าเบรคกับจานเบรคไว้ได้แนบสนิท
  • ระยะเบรกจากแป้นเบรก ต้องมีความลึกแบบพอดีๆ

5. ระบบไฟและใบปัดน้ำฝน

ส่วนหน้าของรถเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญเนื่องจากช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ของเราดีขึ้นทั้งในทุกสภาพเส้นทาง โดยเฉพาะในส่วน ระบบไฟ ที่เป็นผู้ช่วยสำคัญในการเดินทางยามค่ำคืนทั้งไฟหน้า, ไฟท้าย ,ไฟตัดหมอก, ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน จะต้องใช้งานได้ครบทุกจุด แสงสว่างคมชัด ไม่มัว 

นอกจากนั้น อุปกรณ์ที่ช่วยปรับทัศนวิสัยให้กระจกหน้าอย่าง น้ำยาฉีดกระจกหน้ารถ และ ใบปัดน้ำฝน ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยเจ้าของรถจำเป็นต้องเติมน้ำฉีดกระจกหน้ารถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และถ้าหากพบว่า ใบปัดน้ำฝนไม่สามารถกวาดน้ำบนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ เพราะการใช้ใบปัดน้ำฝนที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพเป็นอันตรายต่อการขับรถยนต์ในช่วงฝนตกหนักเป็นอย่างมากนั่นเอง

วิธีการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน

  1. ยกใบปัดน้ำฝนขึ้นจากกระจกรถยนต์
  2. กดแถบล็อกเพื่อเอาใบปัดน้ำฝนอันเก่าออก
  3. ใส่ใบปัดน้ำฝนอันใหม่
  4. กดแถบล็อกกลับที่เดิม

นึกถึง รถยนต์มือสอง ต้อง CARSOME

ซื้อรถยนต์มือสอง

6. น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล

น้ำมันเครื่อง ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นของระบบกลไกต่างๆในเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องที่ดีจะต้องผ่านการใช้งานไม่เกินระยะทางที่คู่มือกำหนด ระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม และขณะเดินทางก็ควรจะมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตรในยามฉุกเฉิน ซึ่งเราสามารถตรวจเช็กได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่องตามขั้นตอนดังนี้

วิธีการตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่อง

  1. ต้องจอดรถให้อยู่ในแนวระนาบไม่ลาดเอียง ก่อนเปิดฝากระโปรงรถยนต์ให้เรียบร้อย
  2. ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาและเช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัด
  3. เสียบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องคืนเพื่อดูระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมัน 
  4. ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบระดับน้ำมันที่ปลายก้านวัด 
  5. ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด “F” กับ “L” หรือ “Max กับ Min” ถือว่าปกติ

7. หม้อน้ำและระบบระบายความร้อน

ระบบระบายความร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งระบบที่เป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์ เพราะขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน จะเกิดความร้อนสะสมขึ้น บวกกับความร้อนจากภายนอก ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์น็อคหากระบบระบายความร้อนมีปัญหาโดยจุดที่จำเป็นต้องตรวจเช็กในระบบระบายความร้อนประกอบไปด้วยปริมาณน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำควรอยู่ในระดับปกติ จุดต่างๆ ตามหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อระบบหล่อเย็นว่า ไม่มีรอยรั่วซึม รวมไปถึงการทำงานของพัดลมหม้อน้ำและมอเตอร์ว่า สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญ ควรเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำทุกๆ 2 ปีเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของน้ำยานั่นเอง

8. แผ่นกรองอากาศและระบบแอร์

แผ่นกรองอากาศ เป็นชิ้นส่วนที่จะช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ดังนั้น การปล่อยให้แผ่นกรองอากาศอุดตันจะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ ส่งผลให้ส่วนประกอบภายในเครื่องยนต์สึกหรอรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการตรวจสอบและดูแลแผ่นกรองอากาศรถยนต์นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดตู้แอร์แล้วนำตัวกรองอากาศออกมาตรวจสอบ พร้อมกับดูดเศษสิ่งสกปรกภายในตู้ออก หรือถ้าจำเป็นการควรเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศใหม่เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

นอกจากนั้น ควรจะต้องตรวจดูแผ่นกรองแอร์ภายในห้องโดยสารพร้อมทั้งปริมาณ น้ำยาแอร์ ด้วยว่า ยังสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ เพราะระบบดังกล่าวจะคอยดูแลอากาศภายในห้องโดยสาร พร้อมทั้งดักกรองสิ่งสกปรกต่างๆ จากภายนอกรถ เช่น เขม่าและควันเสีย เป็นต้น โดยสามารถเช็กแผ่นกรองแอร์ได้ตรงหลังช่องเก็บของหน้ารถ จากนั้นลองเปิดแอร์ในรถตามปกติในระดับความเย็นประมาณ 23-25 องศา จากนั้นให้ใช้มืออังที่บริเวณช่องปรับอากาศ ถ้ารู้สึกถึงความเย็นก็แปลว่า ระบบแอร์สามารถใช้งานได้ปกตินั่นเอง

ตรวจเช็กสภาพรถฟรี ที่ไหนดี 2565

แต่สำหรับใครที่รู้สึกว่า ทั้ง 8 ข้อยุ่งยากเกินไปล่ะก็ ปัจจุบันทางภาครัฐฯ ก็จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยมีให้บริการ ตรวจเช็กสภาพรถฟรี เบื้องต้นทั้งสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ก่อนเดินทางกว่า 20 รายการ โดยเจ้าของรถยนต์สามารถนำรถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ตามรายชื่อเครือข่ายทั่วประเทศดังต่อไปนี้

  • บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  (ศูนย์บริการ Toyota
  • บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (ศูนย์บริการ Honda
  • บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ Nissan
  • บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด (ศูนย์บริการ Isuzu
  • บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด  (ศูนย์บริการ Mitsubishi
  • บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด  (ศูนย์บริการ Hyundai
  • บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัดและบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ MG
  • บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
  • บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • บริษัท ซูซูกิโมโตเซลส์คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริกา Suzuki)
  • บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด
  • บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (สถานีบริการน้ำมัน บางจาก)
  • บริษัท บี – ควิก จำกัด  (ศูนย์บริการ B-Quik) 
  • บริษัท ฟอร์ซเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ AUTO QUIKS)
  • บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
  • บริษัท คาร์เวิลด์ คลับ จำกัด
  • บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ศูนย์บริการ Mazda)
  • บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)
  • บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด (สถานีบริการน้ำมัน Shell)

ทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนเบื้องต้นในการ ตรวจเช็กสภาพรถ ก่อนเดินทางไกล เพราะรถก็ต้องการการดูแลใส่ใจและอาจมีจุดเสื่อมสภาพที่เราไม่คาดคิดได้ ดังนั้น การหมั่นตรวจสภาพรถเป็นประจำโดยเฉพาะช่วงก่อนเดินทางไกลจะช่วยให้เราสามารถรีบแก้ไขความผิดปกติได้อย่างทันท่วงที เพื่อความปลอดภัยในระหว่างเดินทางต่อตัวเราเองและผู้ร่วมทริป

แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เดินทางไกล รถยนต์ที่ถูกใช้งานเป็นประจำก็ควรได้รับการตรวจเช็กสภาพตามมาตรฐานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตที่ใช้รถใช้ถนน ด้วยเหตุนี้ รถยนต์มือสองที่ได้รับการรับประกันจาก CARSOME ทุกคันจึงต้องผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดและได้รับการปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน นอกจากนั้น ยังได้รับการรับประกันนานสูงสุด 2 ปีเต็มพร้อมการการันตีคืนเงินภายใน 30 วัน ในราคาโปร่งใส คุ้มค่า ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง เพื่อความอุ่นใจในทุกการขับขี่ 

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถมือสอง หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!

CTA CARSOME ซื้อขายรถยนต์มือสอง

อ่านบทความต่อ: ทำไม แอร์รถไม่เย็น มีแต่ลม? รวมสาเหตุ และวิธีแก้ไขเบื้องต้น หรือ แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี 2022 วิธีดู แบตเตอรี่รถยนต์